สวยงาม
ต้องบอกว่าฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย เริ่มต้นได้อย่างสวยงามทีเดียวครับกับการเริ่มต้นที่ยิ่งกว่าฝันของชาติเจ้าภาพ
ก่อนลงสนามไม่มีใครคิดว่ารัสเซีย ที่ผลงานในช่วงที่ผ่านมาย่ำแย่จัดจนถูกขนานนามว่าเป็นทีม ‘รัสเซียที่เลวร้ายที่สุด’ ซึ่งเป็นเสียงวิจารณ์เกิดจากผลงานในเกมอุ่นเครื่องที่ไม่ชนะ 7 นัดติดต่อกันจะทำได้ขนาดนี้
ไม่นับเรื่องของขุมกำลังที่ต้องบอกว่าทีมชาติชุดนี้ดูตกต่ำจากทีมชาติชุดเมื่อ 10 ปีก่อนที่เคยสร้างความฮือฮาในฟุตบอลยูโร 2008 มาก
แต่เมื่อถึงคราวลงสนาม ท่ามกลางสายตา 156,022 คู่ในสนาม (จากผู้ชม 78,011 คน) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำสูงสุดที่เข้ามาชมและเชียร์ขุนพลนักเตะทีมชาติของตัวเอง ทำให้ทีมชาติรัสเซียแปลงร่างจาก Ice Bear ในเรื่อง We Bare Bears มาเป็นพญาหมีขาวผู้น่าเกรงขามได้อย่างเหลือเชื่อ
แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะคู่แข่งของพวกเขา ซาอุดีอาระเบียนั้นเล่นได้ห่างไกลจากสมญา The Green Falcon หรือพญาเหยี่ยวมรกตอย่างมากก็ตาม
งานปาร์ตี้ใหญ่ของชาวรัสเซีย เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ในช่วงของการแสดงพิธีเปิด ซึ่ง ร็อบบี้ วิลเลียมส์ ที่ดูโรยราตามวัยจนจำแทบไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งเขาคือสมาชิกของวงบอยแบนด์ Take That แต่ในเรื่องของการขับกล่อมผู้ชมในสนาม ต้องถือว่าร็อบบี้ทำหน้าที่ได้อย่างดีทีเดียว
ยกเว้นเพียง ‘นิ้วปริศนา’ ที่กลายเป็นปัญหาและประเด็นที่พูดถึง ซึ่งอาจเป็นรอยด่างพร้อยเดียวในการแสดงของเขาในครั้งนี้
อีกคนที่สร้างรอยยิ้มให้แก่แฟนฟุตบอลทั่วโลกคือ ‘โอ ฟีโนเมโน’ โรนัลโดต้นตำรับ อดีตนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในนักเตะวันวานที่แฟนฟุตบอลรักมากที่สุด
โรนัลโดในชุดเสื้อ Russia 2018 มาพร้อมกับลูกฟุตบอล ซึ่งไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเดินทางไปยังสถานีอวกาศ และเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงโลกเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ด้วยความเกรียงไกรในอดีตทำให้นักเตะที่เก่งที่สุดในโลกเหมือนจะได้รับเกียรติให้เป็นคน ‘เขี่ยบอล’ เริ่มฟุตบอลโลกครั้งนี้
แต่โรนัลโดขอเลือกที่จะให้เด็กน้อยมาเป็นผู้ที่เขี่ยบอลให้แก่ ซาบิวากา ตัวแทนที่ชาวรัสเซียเลือกให้เป็นทูตลูกหนังของพวกเขาในฟุตบอลโลกครั้งนี้
และนั่นคือวินาทีที่เกมฟุตบอลโลกได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
สำหรับเกมในสนาม ซึ่งได้รับการขนานนามแบบขำๆ ว่าเป็นเกม El Gasico เนื่องจากทั้งรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย เป็น 2 ชาติที่มีน้ำมันรวมกันเท่ากับ 1 ใน 4 ของน้ำมันที่มีทั้งโลก ทุกอย่างก็ดูราบรื่นและเป็นใจให้แก่ฝ่ายรัสเซียไปหมด
ทีมของ สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ ใช้เวลาแค่ 12 นาทีในการ ‘ปลุกความหวัง’ ขึ้น จากลูกโหม่งของ ยูริ กาซินสกี ที่สลัดตัวประกบก่อนใช้ศีรษะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย
พวกเขาอาจขวัญเสียบ้างเมื่อ อลัน ซาโกเยฟ มิดฟิลด์คนสำคัญเกิดบาดเจ็บขึ้นมา และตามรายงานล่าสุดอาจหมดสิทธิ์ลงเล่นตลอดรายการจากอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อด้านหลังโคนขา แต่รัสเซียก็ไม่ได้หยุดดาหน้าเข้าถล่มคู่ต่อสู้แต่อย่างใด
เดนิส เชรีเชฟ บวกสกอร์เพิ่มได้ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที ซึ่งแทบเป็นการฝังทีมสิงห์ทะเลทรายที่ดูอ่อนแอ ปวกเปียก และไร้พิษสงอย่างสิ้นเชิง
ช่วงเวลา 45 นาทีที่เหลือในครึ่งหลัง จึงเป็นเหมือนหนังซูเปอร์ฮีโร่ตระกูล 5 สี ที่ตอนจบไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
พระเอกย่อมชนะผู้ร้าย และในวันนี้ รัสเซีย คือพระเอก
โดยเฉพาะไอ้หนุ่มผู้กลายเป็นความหวังใหม่ของคนทั้งชาติเพียงชั่วข้ามคืนอย่าง อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ซึ่งนอกจากจะเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งเกม เปิดบอลให้เพื่อนทำได้ 2 ประตู แล้วยังปิดท้ายด้วยการสังหารลูกฟรีคิกที่แม่นยำจนเหลือเชื่อได้
อดคิดถึง รัสปูติน อดีตพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาไม่ได้
แต่ โกโลวิน ไม่ได้เล่นดีคนเดียว ยังมี เดนิส เชรีเชฟ ตัวสำรองที่ลงมาแทนซาโกเยฟ และเป็นผู้ทำ 2 ประตู (โดยเฉพาะประตูที่ 2 ของเขาที่สามารถส่งเข้าประกวดได้เลย) ก็เป็นหัวใจในเกมรุกฝั่งซ้ายที่ต้องปรบมือให้ด้วย
หากสิ่งที่ ปูติน บอกต่อ เชอร์เชซอฟ และลูกทีมของเขามีเพียง “จงเล่นอย่างมีเกียรติ แสดงให้เห็นถึงฟุตบอลสมัยใหม่ที่น่าสนใจ และสู้จนถึงที่สุด”
สิ่งนั้น (หรือคำสั่งนั้น) ได้ถูกตอบสนองแล้ว
สำหรับชาติที่ลงทุนลงแรงมหาศาลเพื่อให้ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ชาติที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นเจ้าภาพที่ดีได้ ชาติที่ถูกตั้งเครื่องหมายคำถามมากมายจนตอบไม่หมด
วันนี้ทุกอย่างที่ทำไป ไม่สูญเปล่าแล้ว
รัสเซียไม่เพียงแค่ชนะในเกม แต่ยังชนะใจคนทั้งชาติ และเป็นการ ‘เปิดประตู’ ต้อนรับแฟนฟุตบอลทั่วโลกด้วยรอยยิ้มเย็นๆ ในแบบรัสเซีย แต่อบอุ่นในทีเหมือนวอดก้าที่ร้อนในท้อง
สำหรับฟุตบอลโลกไม่ต่างกัน มันคือการเริ่มต้นงานปาร์ตี้ที่งดงาม และน่าจะทำให้ฟุตบอลโลกครั้งนี้คึกคักขึ้นไปตลอดเดือนนับจากวันนี้ครับ
Ваше здоровье
ชนแก้ว!
Photo: Reuters
- ชัยชนะของรัสเซีย ทำให้ยังไม่มีชาติเจ้าภาพที่แพ้ในเกม ‘เปิดสนาม’ ฟุตบอลโลกทั้ง 21 สมัย (ชนะ 16 เสมอ 6 เพราะในปี 2002 มีเจ้าภาพ 2 ชาติคือ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น)
- สกอร์ 5-0 ทำให้รัสเซียเป็นเจ้าของสถิติการชนะด้วยผลต่างมากที่สุดของชาติเจ้าภาพในเกมเปิดสนามเป็นอันดับที่ 2 รองจากอิตาลี ที่ถล่มสหรัฐฯ 7-1 เมื่อปี 1934
- ซาอุดีอาระเบียไม่เคยชนะในฟุตบอลโลกมา 11 นัดแล้ว (เสมอ 2 แพ้ 9) โดยชัยชนะครั้งสุดท้ายคือการชนะเบลเยียมเมื่อปี 1994 (1-0)
- ประตูของ ยูริ กาซินสกี เป็นการทำประตูจากโอกาสยิงเข้ากรอบครั้งแรกในฟุตบอลโลก 2018 และเป็นการโหม่งทำประตูแรกของฟุตบอลโลกนับตั้งแต่ปี 1990 (ฟรังซัวส์ โอมัม-บียิค ทำได้ในเกมระหว่างแคเมอรูนกับอาร์เจนตินา)
- กาซินสกี และเชรีเชฟ ทำประตูแรกในทีมชาติได้ในเกมนัดนี้
- แฟนบอลที่ชมการถ่ายทอดสด ได้เห็นภาพประทับใจในห้องวีไอพี เมื่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่นั่งเคียงข้าง จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า และ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย นั่งเชียร์ฟุตบอลไปด้วยกัน
- และอีกภาพที่ประทับใจ (ส่วนตัว) คือภาพการฉลองประตูด้วยการ ‘ตะเบ๊ะ’ ของ สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ น่ารักดีครับ 🙂