สถานีโทรทัศน์ CNBC เผยรายงานผลการประชุมของคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่าท่าทีของคณะกรรมการส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือพร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันที รวมถึงออกนโยบายคุมเข้มทางการเงินมากขึ้น หากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
โดยแถลงการณ์ของรายงานการประชุมระบุชัดว่า ทางคณะกรรมการต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะปรับลดปริมาณการซื้อคืนพันธบัตรให้มากขึ้น รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ หากว่าตัวเลขเงินเฟ้อยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับเป้าหมายที่ทางคณะกรรมการกำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้คณะกรรมการ FOMC ของ Fed ย้ำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดอดทนอยู่นิ่งๆ เพื่อรอดูข้อมูลตัวเลขสถานการณ์เงินเฟ้อโดยรวมทั้งหมดอีกครั้ง
รายงานครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่รายงานตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ในระดับรุนแรงหลังปรับตัวแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความวิตกกังวล สถานีโทรทัศน์ CNN ได้รวบรวมความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนส่วนหนึ่งที่ออกมาแนะนำเคล็ดลับการลงทุนที่นักลงทุนยังคงสามารถหารายได้ทำกำไรจากภาวะเงินเฟ้อได้
ทั้งนี้หลักการสำคัญก็คือการปรับพอร์ตการลงทุน โดยให้น้ำหนักสำคัญไปที่หุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาสินค้า โดยมีรายงานของบริษัทหลายแห่ง เช่น โคคา-โคลา หรือ เป๊ปซี่ ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ผู้ผลิตกาแฟ และเนยถั่ว Jif อย่าง J.M. Smucker ก็เพิ่งรายงานรายได้และยอดขายในช่วงไตรมาสล่าสุดว่าสูงเกินกว่าที่คาดหมายไว้ แม้ราคาสินค้าในเครือของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่แพงขึ้นก็ตาม
นอกจากหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างอาหารแล้ว หุ้นในกลุ่มของพลังงานและการขนส่ง ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาจัดสรรเข้าพอร์ตการลงทุนของตนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งแนะว่า การหารายได้จากการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่ทางเดียวที่จะสร้างผลกำไรในช่วงเงินเฟ้อพุ่งเช่นนี้ โดยสินค้าโภคภัณฑ์ที่จับต้องได้อย่างทองคำ และผลิตผลทางการเกษตรต่างๆ ก็เป็นอีกสินทรัพย์หนึ่งที่สามารถลงทุนเพื่อสร้างรายได้ได้เช่นกัน โดยนักวิเคราะห์จาก Wells Fargo Investment Institute ได้หยิบยกช่วงวิกฤตเงินเฟ้อในทศวรรษที่ 1970, 1980 และ 2000 ที่สินค้าในกลุ่มที่มองเห็นได้ จับต้องได้ กินได้ ล้วนเป็นสินค้าที่มีราคาและทำรายได้ได้ดีในช่วงเงินเฟ้อ
นักเคราะห์สรุป ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า บ่อยครั้งที่การเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์จริงเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อ ดังนั้นจึงเชื่อว่าการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็นการป้องกันความเสี่ยงตามธรรมชาติต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2021/11/24/federal-reserve-releases-minutes-from-its-november-meeting.html
- https://edition.cnn.com/2021/11/24/investing/inflation-stocks-sectors/index.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP