×

Fed หั่นดอกเบี้ยลง 0.25% ด้านพาวเวลล์ลั่น ทรัมป์ไม่มีอำนาจไล่ตนออก ปกป้องอิสระธนาคารกลาง

08.11.2024
  • LOADING...
Fed ดอกเบี้ย

พาวเวลล์ลั่น ทรัมป์ไม่มีอำนาจไล่ตนออก ส่งสัญญาณปกป้องอิสระธนาคารกลาง ยืนยันว่า Fed จะประเมินข้อมูลและนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลใหม่ต่อไปว่าจะส่งผลต่อเงินเฟ้อและการจ้างงานอย่างไร เพื่อกำหนดอัตรา ดอกเบี้ย นโยบาย หลัง FOMC หั่นดอกเบี้ย 2 ครั้งติดลงสู่ระดับ 4.5-4.75%

 

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยืนยันชัดเจนว่า เขาพร้อมที่จะปกป้องอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จากแรงกดดันทางการเมืองภายหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้ง โดยระบุว่า ตนจะไม่ลาออกหากถูกขอร้อง และยืนกรานว่าประธานาธิบดีคนใหม่ไม่มีอำนาจไล่เขาหรือผู้นำระดับสูงของ Fed คนอื่นๆ ออก

 

“ไม่” พาวเวลล์ตอบอย่างหนักแน่นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 พฤศจิกายน) เมื่อถูกถามว่าเขาจะลาออกหรือไม่หากทรัมป์ขอให้เขาลาออก

 

ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ไปอยู่ที่ 4.5-4.75% เป็นไปตามที่คาดการณ์กันอย่างกว้างขวางและเป็นเอกฉันท์

 

โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Fed ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นความพยายามในการรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้มั่นคง

 

ชัยชนะของทรัมป์กำลังเปลี่ยนทิศทางดอกเบี้ย Fed?

 

พาวเวลล์กล่าวว่า Fed จะประเมินข้อมูลต่อไปในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในปีที่ผ่านมาและใกล้จะถึงเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ประธาน Fed จึงกล่าวว่า ธนาคารกลางจะเริ่มประเมินผลกระทบต่อเป้าหมาย 2 ประการ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานอีกครั้ง

 

กระนั้นจุดหมายปลายทางของอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนอาจยากต่อการสรุปที่แน่ชัดยิ่งขึ้น หากนโยบายการคลังและภาษีของสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามที่ทรัมป์ให้คำมั่นไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงแรงหนุนทางการเมืองจากการควบคุมทั้งสองสภาของพรรครีพับลิกัน

 

เจมี ค็อกซ์ ผู้จัดการของ Harris Financial Group กล่าวว่า “Fed มีโอกาสที่จะลด Fed Funds Rate ไปจนถึงปี 2025 แต่ตลาดไม่ควรคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง เว้นแต่เศรษฐกิจจะตกต่ำและดูเหมือนจะไม่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงนี้”

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในวันพฤหัสบดี โดยปรับตัวขึ้นเพิ่มเติมหลังจากชัยชนะอันเด็ดขาดของ โดนัลด์ ทรัมป์ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของ Fed

 

ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.7% ดัชนี NASDAQ Composite เพิ่มขึ้น 1.51% ขณะที่ดัชนี Dow Jones Industrial Average แทบไม่เปลี่ยนแปลง ค่าเฉลี่ยหลักทั้ง 3 ตัวแตะระดับสูงสุดใหม่ในวันเดียวกัน

 

ตลาดพันธบัตรยังผันผวน โดยปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี หลังจากที่พุ่งสูงขึ้นในวันก่อนหน้านี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 4.3530% โดยลดลง 7.3 bps ในวันนี้ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 14 bps เมื่อวันพุธ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีอยู่ที่ระดับ 4.5567% โดยลดลงกว่า 4 bps หลังจากที่เพิ่มขึ้น 15 จุดพื้นฐานในวันก่อนหน้า

 

ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 1.3% หลังร่วงลงกว่า 3% เมื่อวันพุธ สู่ระดับ 2,693.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม ราคายังไม่ไกลจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ล่าสุดที่ 2,790.15 ดอลลาร์

 

ราคาน้ำมันพลิกตัวกลับหลังจากที่เจอกับแรงเทขายจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์เพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 75.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 72.36 ดอลลาร์

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X