×

ตามคาด ‘Fed’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ครั้งแรกรอบ 22 ปี พร้อมเตรียมปรับลดงบดุลเดือนมิถุนายน

05.05.2022
  • LOADING...
Fed

เป็นไปตามการคาดหมายของนักวิเคราะห์หลายสำนัก เมื่อทางคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในรอบ 22 ปี พร้อมเตรียมเริ่มลดปริมาณการถือครองพันธบัตรในเดือนมิถุนายนนี้

 

รายงานระบุว่า การตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ทางคณะกรรมการลงคะแนนเสียงโหวตสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% โดยมีเป้าหมายหลักก็คือการควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี

 

ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยอมรับว่า Fed พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินอีกสัก 2-3 ครั้ง แต่จะไม่กดดันถึงขนาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% ในอนาคตอันใกล้นี้

 

ขณะเดียวกัน พาวเวลล์ยังได้ย้ำถึงหน้าที่หลักของ Fed ในการสกัดกั้นไม่ให้เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และมุ่งสร้างเสถียรภาพของราคาสินค้าเป็นหลัก ดังนั้น การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยทั้งหมดในระบบการเงิน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลดีในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลดลงแตะระดับเป้าหมาย

 

นอกจากนี้ Fed ยังประกาศเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุลด้วยการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยยอดขาดดุลของสหรัฐฯ ในปัจจุบันมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

รายงานระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน Fed จะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 47,500 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ด้วยการปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 30,000 ล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ MBS วงเงิน 17,500 ล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม และหลังจากนั้น 3 เดือน Fed จะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 95,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ MBS วงเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม

 

ในส่วนของภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประธาน Fed แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ต้องระวังปัจจัยไม่แน่นอน ที่หมายรวมถึงสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่อาจทำให้เงินเฟ้อขยับปรัวตัวขึ้นได้อีก

 

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของ Fed ยังระบุว่า แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงในไตรมาสแรก แต่การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงดีดตัวขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด มีแนวโน้มที่จะทำให้ปัญหาชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานมีความรุนแรงขึ้น นอกเหนือจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน และเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันเพิ่มขึ้นต่อเงินเฟ้อ และมีแนวโน้มถ่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

 

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ Fed มีขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เผชิญกับปัจจัยท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเงินเฟ้อที่นับเป็นภัยเร่งด่วนสูงสุด โดยแถลงการณ์ของ Fed ได้เตือนว่าอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกสักระยะ ซึ่ง Fed จะจับตามมองความเสี่ยงและสถานการณ์โดยรวมของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

 

ด้านสถานีโทรทัศน์ CNBC มีการเปิดเผยเนื้อหาในแถลงการณ์ พร้อมดำเนินการเผยแพร่เอกสารที่มีการเปรียบเทียบแถลงการณ์ในปัจจุบันกับฉบับก่อนหน้า ที่พบว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ในจดหมายยังคงมีความใกล้เคียงกันอยู่ เพียงแต่ฉบับล่าสุดได้มีการพูดถึงปัญหาโควิดในจีนที่น่ากังวล กับผลการลงมติที่ครั้งนี้สมาชิกคณะกรรมการต่างมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ทั้งนี้ Fed ระบุว่า แม้มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะปรับลดลง แต่ปริมาณการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนแบบคงที่ของภาคธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น

 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X