×

รายงานการประชุม Fed แสดงจุดยืนชัดเจน มุ่งขึ้นดอกเบี้ยหวังคุมอัตราเงินเฟ้อ

23.02.2023
  • LOADING...

รายงานบันทึกผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยังคงยืนยันจุดยืนอย่างเหนียวแน่นในการที่จะเดินหน้าจัดการกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อด้วยการเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยมติที่ประชุมชี้ชัดว่า สถานการณ์ของเงินเฟ้อยังคงน่าเป็นห่วง

 

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของ Fed ยอมรับว่า แม้จะมีข่าวดีที่สัญญาณเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลดลง แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะทำให้ Fed ตัดสินใจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปได้

 

นอกจากนี้ทางคณะกรรมการยังย้ำให้เห็นว่า การที่ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราเป้าหมายที่ Fed กำหนดไว้ที่ 2% บวกกับสถานการณ์ในตลาดงานที่ยังคงแข็งแกร่งจนมีส่วนกดดันให้ค่าจ้างและราคายังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ Fed มองว่าเงินเฟ้อยังเป็นภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงและตัดสินใจเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ

 

ในการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของ Fed ล่าสุดได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกรอบแคบๆ ที่ 0.25% ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ Fed เริ่มต้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2022 ดันให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.5-4.75%

 

รายงานระบุว่า ทางคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน Fed ต่างเห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อทำให้แน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วงขาลงอย่างแท้จริง ซึ่งในระหว่างนี้ Fed พร้อมที่จะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเชื่อว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับการรับมือกับเงินเฟ้อ

 

อย่างไรก็ตาม แม้ทางคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินส่วนใหญ่จะเห็นตรงกันว่าควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% แต่ก็ยังมีสมาชิกคณะกรรมการบางส่วนที่มองว่าควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% มากกว่า เนื่องจากเห็นว่าจะมีผลต่อการจัดการให้ตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลดลงได้ดีกว่า

 

ทั้งนี้ แม้จะไม่มีการระบุจำนวนที่ชัดเจน แต่ James Bullard ประธาน Fed สาขาเซนต์หลุยส์ และ Loretta Mester ประธาน Fed สาขาคลีฟแลนด์ คือสองคณะกรรมการที่ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% และใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดแข็งกร้าวเพื่อจัดการเงินเฟ้อ โดย Bullard มองว่าอัตราดอกเบี้ยควรปรับขึ้นไปจนแตะประมาณ 5.375% เพื่อจัดการเงินเฟ้อให้อยู่หมัด

 

แถลงการณ์ของทางคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของ Fed ระบุชัดเจนว่า ฝั่งสมาชิกที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เห็นตรงกันว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยที่มากขึ้นจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงสู่ระดับเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น และช่วยให้ปัญหายุติลงในเร็ววัน

 

ด้าน Krishna Guha หัวหน้าฝ่ายนโยบายระดับโลกและกลยุทธ์ของธนาคารกลางที่ Evercore ISI แสดงความเห็นว่า แม้บทสรุปจะชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อของ Fed ต่อไปอีกสักระยะ แต่พิจารณาจากท่าทีของคณะกรรมการโดยรวม ทำให้สามารถมองได้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะไม่แข็งกร้าวเหมือนในปี 2022 ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ต่างชี้ให้เห็นสัญญาณการชะลอตัวของการปรับขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อ โดยล่าสุดดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนธันวาคม และเพิ่มขึ้น 6.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตซึ่งวัดต้นทุนการผลิตในระดับค้าส่ง เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ นับเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์ในตลาด Wall Street คาดการณ์ไว้ และเป็นการขยับชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า

 

ขณะเดียวกันตลาดการจ้างงานในสหรัฐฯ ก็ยังแข็งแกร่ง ทำให้บ่งชี้ได้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในช่วงที่ผ่านมายังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจส่วนใหญ่ เปิดทางให้ Fed ยังสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อจัดการเงินเฟ้อได้อย่างเต็มที่

 

แนวโน้มที่ Fed จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ฉุดให้ตลาดหุ้น Wall Street เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 กุมภาพันธ์) เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีดัชนี S&P 500 ปิดตลาดปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ในรอบสัปดาห์นี้ และความกังวลที่ Fed จะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อทำให้ผลงานของดัชนี S&P 500 เมื่อวานนี้ทำสถิติเป็นผลงานที่เลวร้ายที่สุดในปี 2023

 

รายงานระบุว่า ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับตัวลดลง 84.50 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 33,045.09 จุด และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 0.16% ปิดที่ 3,991.05 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 0.13% ปิดที่ 11,507.07 จุด

 

อย่างไรก็ตาม Quincy Krosby หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกของ LPL Financial กล่าวว่า ท่าทีของ Fed ไม่ได้ผิดไปจากที่คาดมากนัก ดังนั้นความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไม่ได้เป็นผลจากท่าทีของ Fed ที่ยังคงมุ่งมั่นขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ เพราะเป็นสิ่งที่ตลาดคาดไว้อยู่แล้ว แต่การปรับตัวลดลงของ Wall Street ที่เกิดขึ้นนี้ หลักๆ มาจากความกังวลเกี่ยวกับรายได้และผลประกอบการของบรรดาบริษัททั้งหลายที่จะปรับลดลง เพราะต้นทุนการทำธุรกิจที่มากขึ้น รวมถึงท่าทีของ Fed ยังทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่อาจสาหัสจนถึงขึ้นทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

 

ด้าน Mike Loewengart หัวหน้าฝ่ายสร้างโมเดลพอร์ตโฟลิโอของ Morgan Stanley Global Investment Office กล่าวว่า แม้จุดพีคของอัตราเงินเฟ้อจะผ่านไปแล้ว แต่ความท้าทายส่วนใหญ่ยังไม่หายไป ทำให้ Fed ยังจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนควรเตรียมใจก็คือการเผชิญหน้ากับภาวะผันผวนในตลาดต่อไป อันเป็นผลพวงมาจากการขยับปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising