เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยในขณะนี้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการรับมือกับความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ ทั้งในเรื่องภาษีศุลกากรและเงินเฟ้อ ไม่ส่งสัญญาณว่า จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้หรือไม่
พาวเวลล์ กล่าวในวันพุธ (30 กรกฎาคม) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ว่า “ยังมีความไม่แน่นอนอีกมากที่ต้องเคลียร์ให้ชัดเจน” หลังจาก Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในกรอบ 4.25%-4.5% ตามเดิม
โดยคณะกรรมการ FOMC มีมติ 9 ต่อ 2 ในการคงดอกเบี้ย ขณะที่สมาชิก 2 ราย ได้แก่ Christopher Waller และ Michelle Bowman โหวตเห็นควรให้ลดดอกเบี้ยลง 0.25%
หลังพาวเวลล์แถลง ตลาดเริ่มลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยตามสัญญาฟิวเจอร์สลดลงจาก 60% เหลือประมาณครึ่งต่อครึ่ง ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลถูกเทขายเพิ่มเติม ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง
ในแถลงการณ์หลังประชุม Fed ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตช้าลงในครึ่งปีแรก โดยระบุว่า “ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าเศรษฐกิจมีการชะลอตัว” ซึ่งต่างจากถ้อยแถลงก่อนหน้าที่ว่าเศรษฐกิจยัง “ขยายตัวในอัตราที่มั่นคง”
พาวเวลล์ อธิบายเพิ่มเติมว่าการชะลอตัวดังกล่าวเกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ซึ่ง Fed มองว่าเป็นสิ่งที่คาดไว้ล่วงหน้า และแม้จะชะลอตัว แต่ผู้บริโภคยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอยู่
ท่ามกลางการกดดันอย่างหนักจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ต้องการให้ Fed ลดดอกเบี้ยโดยเร็ว โดยทรัมป์ได้วิจารณ์ว่า Fed ชักช้าในการดำเนินนโยบาย
Fed ยังคงประเมินว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ประโยคก่อนหน้าที่ว่า “ความไม่แน่นอนในภาพรวมเศรษฐกิจลดลง” ถูกตัดออก และแทนที่ด้วยคำว่า “ความไม่แน่นอนยังอยู่ในระดับสูง”
ที่น่าสนใจคือการโหวตคัดค้านของ Waller และ Bowman ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 ที่มีสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการ Fed ถึง 2 คนลงคะแนนเสียงขัดแย้งกับมติของคณะกรรมการส่วนใหญ่
โดยคณะกรรมการ FOMC ประกอบด้วยผู้ว่าการ 7 คน และประธานธนาคารกลางเขต (Regional Fed) อีก 5 คนจากทั้งหมด 12 เขต
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงในวันพุธ หลังจาก พาวเวลล์ ไม่ส่งสัญญาณว่า Fed ยังไม่พร้อมจะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ เนื่องจากต้องการประเมินผลกระทบของมาตรการขึ้นภาษีของประธานาธิบดี Trump ต่อภาวะเงินเฟ้อก่อน
ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดในแดนลบ 0.12% ที่ระดับ 6,362.90 จุด ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 171.71 จุด หรือ 0.38% ปิดตลาดที่ 44,461.28 จุด ส่วนดัชนี NASDAQ สวนทาง ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.15% ปิดตลาดที่ 21,129.67 จุด
ก่อนหน้านี้ในระหว่างวัน S&P 500 เคยบวกขึ้นถึง 0.4% และดาวโจนส์ก็ปรับขึ้นถึง 0.2% แต่แรงขายถาโถมกลับมา หลังคำแถลงของ พาวเวลล์ ในการแถลงข่าวหลังประชุม Fed โดยเขาระบุว่า Fed ยัง “ไม่มีการตัดสินใจใด ๆ” เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายในเดือนกันยายน นี่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ตลาดวอลล์สตรีทปรับตัวลง หลังจากก่อนหน้านี้ดัชนี S&P 500 ปิดทำสถิติสูงสุดถึง 6 วันติดกัน
ในช่วงเช้า
นักลงทุนเริ่มต้นวันด้วยความหวังบวกจากรายงาน GDP ที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังรับมือกับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นได้ดี แต่ความเชื่อมั่นดังกล่าวถูกสั่นคลอนหลัง Fed ตัดสินใจคงดอกเบี้ย และ พาวเวลล์ ไม่ให้สัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะสั้น
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-07-30/fed-holds-interest-rates-points-to-slowing-economic-activity?srnd=homepage-asia
- https://www.cnbc.com/2025-07-29/stock-market-today-live-updates.html
