คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติ 9 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25-2.5% ตามเดิม ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาดการเงินที่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะยังไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมคราวนี้ อย่างไรก็ดี ที่ประชุมส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต แม้ยังไม่มีแผนดำเนินการในปีนี้ก็ตาม
การตัดสินใจของ Fed อาจทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่าง เจอโรม เพาเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามกดดันให้ Fed ปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม FOMC ระบุในแถลงการณ์ผลการประชุมว่าทางธนาคารจะติดตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด สืบเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและการขยายตัวของปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยอมรับว่ามีปัจจัยความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ขยายวงกว้างจนสร้างผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต การเกษตร และการส่งออกของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีสัญญาณไม่สู้ดีมาจากตัวเลขการจ้างงานที่ชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนพฤษภาคม
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังเคลื่อนตัวต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ซึ่งเป็นอัตราที่ Fed มองว่าจะมีเสถียรภาพต่อเศรษฐกิจ โดย Fed ได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2019 ลงเหลือ 1.5% จาก 1.8% และคาดว่าเงินเฟ้อจะยังไม่เคลื่อนตัวสู่ระดับเป้าหมายจนกว่าจะถึงปี 2021
แม้ว่า FOMC จะระบุชัดเจนว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2019 แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าโอกาสที่ Fed จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายก่อนสิ้นปีนี้ยังคงมีอยู่ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจหลังจากนี้
ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เจอโรม เพาเวลล์ ประธาน Fed ระบุว่าเขาเห็นความเสี่ยง และต้องรอข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ
Fed คาดการณ์ด้วยว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง แต่จะไม่ดำเนินการจนกว่าจะถึงปี 2020 กระนั้นตลาดการเงินยังคงเชื่อว่า Fed จะลดดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนกรกฎาคม
สำหรับ 1 เสียงที่โหวตสวนทางที่ประชุม FOMC ให้ปรับลดดอกเบี้ยคือ เจมส์ บูลลาร์ด ประธาน Fed สาขาเซนต์หลุยส์
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: