×

จับตาการประชุม Fed ที่ Jackson Hole นักวิเคราะห์คาดถกเครียดแนวทางแตะเบรกมาตรการ QE

23.08.2021
  • LOADING...
jackson hole

ถือเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดในรอบสัปดาห์นี้สำหรับการประชุมประจำปีของบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ Jackson Hole ไวโอมิง ระหว่างวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ โดยมีอีเวนต์สำคัญอยู่ที่สุนทรพจน์ของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กับท่าทีและความเห็นของเหล่าสมาชิกที่จะบ่งชี้ถึงทิศทางนโยบายทางการเงินของ Fed ในอนาคตอันใกล้นี้

 

สำหรับประเด็นหลักของการประชุมย่อมหนีไม่พ้นหัวข้อที่หลายฝ่ายกำลังให้ความสนใจอยู่ในเวลานี้ ก็คือการที่ Fed จะเริ่มต้นเดินหน้าลดระดับปริมาณการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รายเดือนมูลค่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นการยุติการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่หมายรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

 

นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักมองว่า ท่าทีของ Fed อาจจะทำให้ตลาดในช่วงสัปดาห์นี้ตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดไม่น้อย ดูได้จากปฏิกิริยาของนักลงทุนในตลาดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ปรับตัวร่วงลงในแดนลบแทบจะทันทีที่มีการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของ Fed ประจำเดือนกรกฎาคม ที่ระบุว่าสมาชิก Fed ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนการทยอยลดระดับ QE ภายในสิ้นปีนี้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัวแข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่องจากวิกฤตการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด นักวิเคราะห์ต่างเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และสมเหตุสมผลที่สมาชิก Fed จะหยิบยกประเด็นยกเลิกการใช้ QE มาหารือกันอย่างจริงจัง

 

แอนดรูว์ ฮันเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่ง Capital Economics กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อหรือตัวเลขการจ้างงาน ล้วนทำให้หลายฝ่ายอดตั้งคำถามถึงความจำเป็นที่ Fed จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

ด้าน มาร์ค คาบานา หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนแบบชอร์ตแห่ง Bank of America มองว่า พาวเวลล์ ประธาน Fed ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ที่น่าสนใจสำหรับการประชุมครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นส่วนใหญ่ที่มองว่าการประชุมที่ Jackson Hole ของ Fed จะยังไม่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการซื้อคืนพันธบัตร หรือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีความเป็นได้ที่ Fed จะประกาศซื้อคืนพันธบัตรในการประชุม Fed เดือนกันยายนมากกว่า

 

ขณะที่ แรนดอลล์ ครอสเนอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ Fed ในช่วงระหว่างปี 2006-2009 มองว่า ประเด็นที่น่ากังวลเกี่ยวกับเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของ Fed คือความเป็นไปได้ที่ตลาดจะตื่นตระหนก แล้วทำให้เกิด Taper Tantrum ซ้ำรอยปี 2013 ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง หลัง Fed ประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัยพ์ตามมาตรการ QE ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งในมุมมองของครอสเนอร์ การที่ Fed ประกาศปรับลดวงเงิน น่าจะทำให้เกิดภาวะตลาดปั่นป่วนในระยะสั้น

 

อย่างไรก็ตาม ทาง ไมเคิล สคอร์เดเลส นักกลยุทธ์ระดับมหภาคแห่ง Truist Advisory Services แย้งว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในเวลานี้โดยรวม โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิตโดยรวมมีความแข็งแกร่งมากกว่าในช่วงปี 2013 ดังนั้น หาก Fed จะส่งสัญญาณและลงมือลด QE ในปีนี้ย่อมไม่มีปัญหากระทบมากนัก และอยู่ที่ชั้นเชิงของ Fed แล้วว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายหรือความสับสนอลหม่านได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร

 

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะประกาศลด QE ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ซึ่งสำหรับคนทั่วไปอาจไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก แต่สำหรับนักลงทุนในตลาด ท่าทีของ Fed อาจทำให้ตลาดผันผวนในระยะสั้นๆ

 

แน่นอนว่าการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตายังคงเป็นปัจจัยคุกคามความก้าวหน้าในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่เมื่อพิจารณาจากตัวเลขในปัจจุบัน ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า Fed ไม่น่าปล่อยโอกาสในการผ่อนคลาย QE ให้หลุดลอยไป เพียงแต่ประธาน Fed อย่างพาวเวลล์จำเป็นจะต้องมีแผนโรดแมปของการผ่อนคลาย QE อย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันก็ต้องมีแผนสำรองในกรณีที่การระบาดของโควิดรุนแรงกว่าที่คาดการณ์กันไว้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นแผนเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศเป็นหลัก

 

นอกจากการประชุม Fed แล้ว นักลงทุนในตลาดยังจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดอย่าง HP, Dell, Gap และ Best Buy รวมถึงรายงานยอดขายบ้าน การใช้จ่ายผู้บริโภค และตัวเลข GDP ไตรมาส 2

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X