เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ออกมาเรียกร้องให้รัฐสภาผลักดันมาตรการทางการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ยังเหลือหนทางอีกยาวไกล ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่การเจรจาแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ระหว่างรัฐบาลกับสมาชิกเดโมแครตไม่คืบหน้า และล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งให้เลื่อนการเจรจาไปจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น
พาวเวลล์กล่าวที่สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีแนวโน้มดีขึ้น โดยที่การสร้างงานกระเตื้องขึ้น เช่นเดียวกับภาคการบริโภคในครัวเรือนและการสร้างธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ประธาน Fed ระบุว่านี่ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่บรรดาผู้กำหนดนโยบายจะนำเท้าออกจากคันเร่ง เพราะถ้าทำเช่นนั้นอาจสร้างความยากลำบากแก่ภาคครัวเรือนและธุรกิจโดยไม่จำเป็น อีกทั้งขัดขวางการฟื้นตัวที่จนถึงตอนนี้ก้าวหน้าเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
เขาระบุว่า ความเสี่ยงจากการที่ดำเนินมาตรการกระตุ้นมากเกินไปนั้นเล็กกว่าการทำน้อยเกินไป
“การฟื้นตัวจะแข็งแกร่งขึ้นและเร็วขึ้น หากนโยบายการเงินและนโยบายการคลังทำงานเคียงข้างกันเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจจนกว่าจะหลุดพ้นจากภาวะที่ไม่สู้ดี” พาวเวลล์กล่าว “แต่หากท้ายที่สุดมาตรการเชิงนโยบายพิสูจน์ได้ว่ามากเกินจำเป็น มันก็จะไม่สูญเปล่า”
ทั้งนี้ Fed คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) จะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่หดตัว 31% ในไตรมาส 2 ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยก็อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จากรัฐบาลมีแนวโน้มว่าจะสะดุด ลง หลังทรัมป์ประกาศว่าการเจรจากับเดโมแครตถูกเลื่อนออกไปจนหลังวันเลือกตั้ง ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น และสร้างความวิตกให้กับตลาดการเงิน และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ โดยดัชนี Dow Jones ร่วงลง 375.88 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 27,772.76 จุด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: