×

ตลาดจับตาท่าที Fed ในการประชุมประจำปีที่แจ็กสันโฮลวันศุกร์นี้ หลายฝ่ายมองแนวโน้มดอกเบี้ยยังสูงยาวนาน

24.08.2023
  • LOADING...
Jerome Powell

บรรดานักลงทุนและตลาดการเงินทั่วโลกต่างจับตารอฟังบทสุนทรพจน์ของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) จากการประชุมประจำปีของ Fed ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคมนี้ โดยการประชุมอยู่ภายใต้หัวข้อ ‘Structural Shifts in the Global Economy’ 

 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่พาวเวลล์พูดในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางในเมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว Fed ก็ได้ดำเนินการตามคำกล่าวของพาวเวลล์ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 5.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี ส่งผลให้อัตราเงินกู้สูงขึ้นอย่างมากตามมา ทำให้ชาวอเมริกันที่จะซื้อบ้านหรือรถยนต์ หรือสำหรับธุรกิจเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจขอสินเชื่อได้ยากมากยิ่งขึ้น 

 

แม้ว่าขณะนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะการจ้างงาน บวกกับตัวเลขอัตราการว่างงานที่ลดง ทำให้สามารถกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้รับแรงกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงไปมากนัก 

 

นักวิเคราะห์มองว่าประเมินจากสถานการณ์ในปัจจุบัน Fed กำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญประการหนึ่งก็คือการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย ที่จนถึงขณะนี้ Fed ยังไม่มีข้อมูลมากพอให้ตัดสินใจ 

 

ขณะเดียวกัน ความยืดหยุ่นทนทานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ทำให้หลายฝ่ายรวมถึงเจ้าหน้าที่ภายใน Fed เองเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า อัตราดอกเบี้ยในขณะนี้สูงพอที่จะชะลอการเติบโตและลดอัตราเงินเฟ้อหรือไม่? และจะต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นนานกว่าที่คาดไว้เพื่อชะลอการเติบโตและควบคุมอัตราเงินเฟ้อหรือไม่?

 

เดวิด เบ็กเวิร์ธ ผู้สังเกตการณ์ Fed และนักวิจัยอาวุโสที่ Mercatus Center แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน สถาบัน Think Tank ชั้นนำในสหรัฐฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะนี้บ่งชี้ได้ว่าจะเติบโตท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 

 

ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ได้เลื่อนหรือกลับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ และเริ่มกลับมามีมุมมองในแง่บวกว่า Fed จะทำให้เกิด Soft Landing คือจะสามารถจัดการเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อให้เหลือเป้าหมาย 2% โดยไม่ก่อให้เกิดภาวะถดถอยที่สูงชันได้เพิ่มขึ้น 

 

ตามการสำรวจล่าสุดของ NABE พบว่า นักเศรษฐศาสตร์เกือบ 7 ใน 10 ที่สำรวจโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติกล่าวว่า อย่างน้อยธุรกิจของตนก็ค่อนข้างมั่นใจว่า Fed จะบรรลุข้อตกลงแบบนุ่มนวล

 

ทั้งนี้ ในวันศุกร์นี้ (25 สิงหาคม) คำปราศรัยสำคัญของพาวเวลล์ในการประชุมในปีนี้จะถูกพิจารณาอย่างละเอียด เพื่อหาเบาะแสใดๆ ที่บ่งชี้ว่า Fed ตั้งใจที่จะคงอัตราการกู้ยืมให้อยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน ผู้ค้าในวอลล์สตรีทซึ่งเมื่อต้นปีนี้คาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปี ทว่าในตอนนี้ไม่คิดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใดๆ จนกว่าจะถึงปี 2024

 

ในขณะเดียวกัน การมองโลกในแง่ดีกำลังเพิ่มขึ้นในตลาดการเงิน ไม่เพียงแต่สำหรับการลงจอดที่นุ่มนวลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเร่งการเติบโตอีกด้วย สัปดาห์ที่แล้ว Fed สาขาแอตแลนตา ประเมินว่าเศรษฐกิจมีการเติบโตในอัตราสูงถึง 5.8% ต่อปีในไตรมาสเดือนกรกฎาคม-กันยายนปัจจุบัน ซึ่งมากกว่า 2 เท่าในไตรมาสก่อน ประมาณการดังกล่าวมีแนวโน้มสูงเกินไป แต่ก็ยังชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากอัตรา 2.4% ของไตรมาสที่แล้ว

 

ความคาดหวังดังกล่าวยังช่วยกระตุ้นให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะธนบัตรคลังอายุ 10 ปี ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่ออัตราการจำนองระยะยาว อัตราผลตอบแทน 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3.75% ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยคงที่เฉลี่ยของการจำนอง 30 ปีจึงสูงถึง 7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี ขณะที่อัตราสินเชื่อรถยนต์และบัตรเครดิตก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน และมีแนวโน้มว่าการกู้ยืมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะอ่อนแอลง 

 

นักเศรษฐศาสตร์บางคนกล่าวว่า การคงอัตราดอกเบี้ยสูงระยะยาวอาจช่วยลดความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ต่อไป เนื่องจากการเติบโตที่ช้าลงน่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้ และแม้ว่า Fed จะไม่กำหนดให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไป แต่ Fed ก็อาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยสูงให้นานต่อไปในอนาคต เพื่อพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งมองว่าการกระทำของ Fed ดังกล่าวจะก่อให้เกิดภัยคุกคามใหม่ เพราะการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงอย่างไม่มีกำหนดจะเสี่ยงต่อการทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอลงมากจนทำให้เกิดภาวะถดถอย

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising