วันนี้ (9 กุมภาพันธ์) ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงกรณีข่าวดังในโลกออนไลน์ พบผู้บริโภคนำแอลกอฮอล์ฉีดพ่นตามร่างกายแล้วจุดยากันยุง จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟลุกท่วมทั่วร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเตือนผู้บริโภคที่พกแอลกอฮอล์ติดตัวไว้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารไวไฟ
หากมีการใช้ไม่ถูกวิธีและเข้าใกล้เปลวไฟหรือประกายไฟจะก่อให้เกิดอันตรายที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ห้ามนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ หรือแอลกอฮอล์สเปรย์มาฉีดพ่นบนร่างกายเด็ดขาด เพราะหากเข้าใกล้เปลวไฟหรือประกายไฟจะเกิดไฟลุกไหม้ตามร่างกายได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ชนิดเจลหรือสเปรย์ทุกชนิดมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นสูง (70% โดยปริมาตร) ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
สำหรับการใช้แอลกอฮอล์ให้ใช้เฉพาะกับมือเท่านั้น ถูให้ทั่วมือไม่น้อยกว่า 20 วินาที ควรทิ้งให้แห้งเพื่อให้แอลกอฮอล์ระเหยหายไปก่อนที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ ห้ามใช้ใกล้เปลวไฟหรือบริเวณที่มีประกายไฟโดยเด็ดขาด เช่น สูบบุหรี่ จุดยากันยุง ปรุงอาหารบนเตาไฟ เป็นต้น หากต้องนำไปใช้กับเด็กเล็ก ควรมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด และเก็บให้พ้นมือเด็กเล็กเพื่อป้องกันอันตราย หากใช้แล้วเกิดอาการแพ้ระคายเคืองหรือผิดปกติ ควรหยุดใช้ในทันทีและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ทั้งนี้ การเก็บรักษาห้ามเก็บในที่มีอุณหภูมิเกิน 40 องศาเซลเซียส
“เพื่อความปลอดภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ขอให้ทุกคนไม่ประมาท การ์ดอย่าตก สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที หากไม่สะดวกแนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์เจลหรือสเปรย์ทำความสะอาดมือ เมื่อกลับถึงบ้านเพื่อไม่ให้เชื้อโควิดกระจายไปยังบุคคลในครอบครัว แนะนำให้อาบน้ำสระผมทันที เก็บรองเท้าไว้บริเวณด้านนอก ถอดหน้ากากอนามัยใส่ถุงให้มิดชิดทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิดเฉพาะ ไม่สัมผัสสัตว์เลี้ยงหรือบุคคลในบ้านก่อนการอาบน้ำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุเพราะติดโรคได้ง่าย แยกเสื้อผ้าที่ใส่นอกบ้าน เช็ดทำความสะอาดของใช้ที่นำติดตัวไปด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อความปลอดภัยของทุกคน” ภก.วีระชัยกล่าว