สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐฯ เปิดการสืบสวนกรณีการแฮกบัญชีทวิตเตอร์บุคคลสำคัญของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธ (15 กรกฎาคม) ที่ผ่านมา ซึ่งแฮกเกอร์นำบัญชีเหล่านี้ไปทวีตหลอกลวงเปิดรับเงินบริจาคบิตคอยน์ โดยถือเป็นหนึ่งในกรณีความรั่วไหลในระบบความปลอดภัยของทวิตเตอร์ที่เลวร้ายที่สุด
ส่วนหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบคือเหล่ามหาเศรษฐี นักการเมือง และคนดังชาวอเมริกัน อย่าง บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ, โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี, บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft, อีลอน มัสก์ ซีอีโอ Tesla และ SpaceX, วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง, และศิลปินดาราอย่าง คานเย เวสต์ และ คิม คาร์ดาเชียน รวมถึงบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ อย่าง Apple ด้วย
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและผู้กำหนดนโยบายความปลอดภัยทางไซเบอร์หวั่นวิตกว่า ผลกระทบจากกรณีนี้ นอกจากเรื่องการนำบัญชีทวิตเตอร์ไปหลอกรับบริจาคบิตคอยน์ สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือการรั่วไหลของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารส่วนบุคคลของบรรดาผู้ทรงอำนาจในระดับโลก
“หากคุณมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในช่วงวิกฤต ซึ่งทวิตเตอร์ถูกใช้ทั้งในรูปแบบการสื่อสารภาษาเพื่อลดความขัดแย้ง หรือการให้ข้อมูลสำคัญแก่ประชาชน และทันใดนั้นกลับมีการส่งข้อความผิดๆ จากหลายบัญชีที่มีการยืนยันตัวตน นั่นอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายที่ร้ายแรง” ดร.อเล็กซี ดรูว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จากมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน กล่าว
จากการสืบสวนเบื้องต้น FBI รายงานว่า บริษัททวิตเตอร์ได้ติดต่อกับบรรดาผู้ใช้งานกว่า 130 บัญชี ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกแฮกบัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว และกำลังประเมินว่าข้อมูลที่ไม่เผยแพร่ ซึ่งเชื่อมโยงกับบัญชีเหล่านี้ ถูกแฮกด้วยหรือไม่
“จากสิ่งที่เรารู้ตอนนี้ เราเชื่อว่ามีประมาณ 130 บัญชีที่ถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้โจมตีด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ สำหรับบัญชีย่อยนี้ ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมบัญชีและทวีตจากบัญชีเหล่านั้นได้” ทวิตเตอร์ระบุ
ขณะที่การแฮกบัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าวถือเป็นสัญญาณเตือนครั้งใหญ่เกี่ยวกับพลังของโซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์ ท่ามกลางการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งสำคัญที่จะมีขึ้นในปีนี้ แม้ว่าทวิตเตอร์จะมีผู้ใช้งานในจำนวนน้อยกว่าคู่แข่งอย่างเฟซบุ๊กมากก็ตาม
สำหรับผู้เชี่ยวชาญและผู้กำหนดนโยบายความปลอดภัยทางไซเบอร์ กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่ง แม้ว่าเป้าหมายการกระทำของแฮกเกอร์จะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเพียงต้องการหลอกเงินบริจาคหรือไม่ แต่ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนตัดสินใจปิดใช้งานบัญชีทวิตเตอร์ของตน เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มแฮกเกอร์แฮกบัญชีไปหาประโยชน์ เช่น การใช้บัญชีนักการเมืองประกาศนโยบายปลอม หรือขัดขวางการหาเสียงของผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี
ทางด้านคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทวิตเตอร์เข้าชี้แจงกรณีการแฮกบัญชีที่เกิดขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ขณะที่นักการเมืองฝั่งรีพับลิกันบางคนได้ส่งหนังสือสอบถามไปทางบริษัทว่า บัญชีทวิตเตอร์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นตกเป็นเป้าโจมตีหรือไม่ ซึ่งทางทำเนียบขาวยืนยันว่าบัญชีของทรัมป์ไม่ถูกแฮก
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: