วานนี้ (17 ธันวาคม) ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ยานนาวา จตุพร แซ่อึง และเยาวชนอายุ 16 ปี สมาชิกกลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีแต่งกายในชุดไทยไปร่วมกิจกรรมแฟชั่นโชว์ที่ถนนสีลมเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ วริษนันท์ ศรีบวรธนกิตติ์ หรือแอดมินเจน หนึ่งในแอดมินเพจเชียร์ลุง มาแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้
บรรยากาศเมื่อวานนี้ มีพ่อแม่ของเยาวชนอายุ 16 ปี เดินทางมาให้กำลังใจบุตรชายของตนเอง โดยเข้าสวมกอดหน้าสน. ก่อนที่จะรับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการ
ล่าสุด ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ ในฐานะพ่อของเยาวชนอายุ 16 ปี ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กของตนเอง แสดงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
คงต้องกล่าวอย่างจริงใจว่า บางสิ่งบางอย่างที่ลูกคิด ลูกทำ ผมอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ผมเคารพการตัดสินใจของลูก ผมไม่รู้ว่าผิดหรือถูกนะครับ แต่ผมสอนลูกให้มีอิสระทางความคิด ให้เขารู้จักการตั้งคำถาม และแสวงหาคำตอบด้วยตนเอง
พร้อมกับสอนให้เขารับผิดชอบกับผลของการกระทำนั้นๆ ด้วย ไม่ว่าจะบวกหรือลบ เรื่องคดีความคงต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผิดถูกอย่างไรค่อยว่ากันอีกที
แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกส่วนตัวของผมเมื่อเห็นลูกวัยแค่นี้ถูกคดีการเมืองรุนแรง แน่นอนครับ ผมคงเหมือนพ่อแม่ทุกคนที่เจ็บปวดไปกับลูก ทั้งรักและห่วงกังวล
ในฐานะของคนเป็นพ่อแม่ สิ่งที่กระทำได้ดีที่สุดในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ คือการจูงมือลูกให้แน่น พร้อมเดินฝ่าความโหดร้ายและอุปสรรคนานัปการไปด้วยกัน
เรา ผู้เป็นพ่อแม่เมื่อเห็นลูกสะดุดล้มเช่นนี้ คงทำได้เพียงแค่เป็นเบาะรองรับตัว ให้เจ็บน้อยที่สุด แม้ว่าจะแลกด้วยความเจ็บปวดของตัวเองก็ตาม นั่นคงเป็นวิถีของพ่อแม่ทุกคนมิใช่หรือ
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์อันแสนปวดร้าวเช่นนี้จะหยุดอยู่แค่ครอบครัวของผม ขอมันอย่าได้เกิดขึ้นกับครอบครัวคนอื่นๆ อีกเลย
ดร.มานะยังระบุอีกว่า เขาว่ากันว่าในยามยากลำบากเรามักเห็นเพื่อนแท้ โชคดีที่แม้ผมจะอยู่ในภาวะเช่นนี้ แต่ยังมี ‘มิตรแท้’ มากมาย ผมต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจของผองเพื่อน รวมถึงเหล่าลูกศิษย์ลูกหา ทั้งที่รู้จักคุ้นเคยกันในโลกแห่งความเป็นจริง ตลอดจนผู้คนที่รู้จักกันผ่านโลกออนไลน์ หลายคนแม้มีความเห็นต่างทางการเมือง และมีมุมมองต่อเรื่องราวไม่เหมือนกัน แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ก็ยังแสดงความห่วงใยตลอดจนส่งไมตรีจิตมาให้ ผมต้องขอขอบคุณมากๆ เลยนะครับ หากสื่อจะนำข้อความในโพสต์นี้ไปถ่ายทอดต่อ รบกวนนำเสนอผมในฐานะพ่อคนหนึ่ง ไม่ใช่ในสถานะนักวิชาการ หรือสถานะบทบาททางสังคมหรือองค์กรที่สังกัด เพราะนี่คือเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว ขอบคุณมากครับ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: