วันนี้ (12 มีนาคม) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ,เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ,เจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)
ร่วมกันสืบสวนจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาข้าราชการพลเรือน สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จำนวน 7 ราย ดังนี้
- ดำรงค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.19/2568
- ภูมินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ. 20/2568
- คมกริช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ. 21/2568
- ปฏิญญา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ. 22/2568
- สิริกัญญา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ. 25/2568
- อภินันท์ แจ้งข้อกล่าวหา
- สุชาวดี แจ้งข้อกล่าวหา
ซึ่งกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)(4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
พฤติการณ์สืบเนื่องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 45-50 ที่นั่ง จำนวน 5 คันในหน่วยงานราชการ สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร
จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสารพบว่าหน่วยราชการดังกล่าวมีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าวในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2565-2567 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงจำนวน 11 ครั้ง โดยมีกลุ่มของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาของ บริษัทซ่อมรถทั้ง 5 คัน เพื่อจัดทำเอกสารเสนอราคากลางในการจ้างซ่อม แล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จึงส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการ และมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2565-2567 มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง และกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจพบ การกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมจำนวนเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาทำการเบิกจ่ายค่าซ่อมรถ โดยไม่มีการซ่อมจริง 28 ครั้ง หรือ 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณ เป็นเงินที่มี การทุจริตทั้งสิ้น 2,790,748 บาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานครจึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 คน จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตามหมายจับข้างต้น
จนกระทั่งในวันที่ 12 มีนาคม 2568 ผู้ต้องหาทั้ง 7 คนได้ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา