วานนี้ (21 มกราคม) มีการจัดประชุมใหญ่ประจำปี 2566 ของพรรคเป็นธรรม โดยที่ประชุมได้แต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่ เลือก กัณวีร์ สืบแสง เป็นเลขาธิการพรรค พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จากกลุ่ม ‘ปาตานี บารู’ ที่จะลงสมัคร ส.ส. ในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พื้นที่เป้าหมายของพรรคเป็นธรรม จำนวน 6 คน ประกอบด้วย
– ฮากิม พงตีกอ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ
– ฮาฟิส ยาโกะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 จังหวัดนราธิวาส
– มุสตารซีดีน วาบา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จังหวัดปัตตานี
– มูฮัมหมัดกัสดาฟี กูนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 จังหวัดปัตตานี
– สุไฮมี ดูละสะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 จังหวัดปัตตานี
– ซูพียัน ดารีอิโซ๊ะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 จังหวัดยะลา
กัณวีร์เปิดเผยว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเป็นธรรม มีทั้งนักกิจกรรมที่ทำงานในกลุ่มปาตานี บารู, กลุ่มนักกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนักกิจกรรมที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การละเมิดสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม การสร้างความเข้าใจอัตลักษณ์วัฒนธรรมมลายูปาตานี และสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพ รวมถึงปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าขยะ กำแพงกันคลื่น นิคมอุตสาหกรรมจะนะ และโรงไฟฟ้าเทพา เป็นต้น
“ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเป็นธรรม เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง ซึ่งพรรคเป็นธรรมสนับสนุนการกระจายอำนาจ มีนโยบายจังหวัดจัดการตนเอง ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และทำงานภายใต้หลักมนุษยธรรมนำการเมือง เพื่อสร้างสันติภาพที่กินได้ ผมจึงเชื่อมั่นว่า ผู้สมัครของเราจะเป็นกลุ่มคนที่จะสร้างพื้นที่ทางการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เข้มแข็งขึ้น”
ขณะที่ว่าที่ผู้สมัคร เช่น สุไฮมี ดูละสะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 จังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า เขาอยู่กับปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้มาตั้งแต่อายุ 14 ปี เห็นนโยบายของรัฐในการปราบปรามประชาชนด้วยการออกกฎหมายพิเศษที่ใช้มา 19 ปีแล้ว มีการส่งกำลังทหารไปกว่า 1 แสนคน ใช้งบประมาณไปกว่า 5 แสนล้านบาท แต่ยังไม่สงบและมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างมาก ตนเองจึงตั้งใจมาทำงานการเมือง เพราะเชื่อว่าการจัดการโดยรัฐแบบนี้ไม่มีทางออก
พรรคเป็นธรรมยังได้เปิดตัวนโยบาย ‘อยู่เย็น เป็นธรรม’ โดย ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า พรรคเป็นธรรมตั้งใจสร้างบ้านให้เป็นที่อยู่ ที่ทำงาน และที่ใช้ชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสุขให้ครอบครัว การพัฒนาคนตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยเกษียณ นโยบายเศรษฐกิจป็นธรรม รัฐต้องสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ประชาชน สร้างประชาชนให้เป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ พร้อมต่อต้านการผูกขาดทางเศรษฐกิจ และสร้างประชาธิปไตยที่เป็นธรรม เน้นการกระจายอำนาจ เช่น แยกธนบุรี เป็นจังหวัดใหม่ เลือกผู้ว่าราชการ พร้อมสร้างความยุติธรรมที่เป็นธรรม ไม่มีอภิสิทธิ์ชน และกฎหมายต้องเป็นธรรม
กัณวีร์กล่าวถึงนโยบายอยู่เย็น เป็นธรรม ว่า 90 ปีที่มีประชาธิปไตย ยังไม่สามารถทำประชาธิปไตยให้งอกงามได้ พรรคเป็นธรรมจะยึดหลักมนุษยธรรมนำการเมืองผ่าน 4 เสาหลัก ประกอบด้วย ประชาชนต้องเป็นศูนย์กลาง, รัฐบาลต้องเป็นกลาง, การไม่เอนเอียง และอิสรภาพในการทำงาน ไม่เอนอิงกับนายทุน และมีนโยบาย ‘รั้วของบ้าน’ จังหวัดจัดการตัวเอง ต้องเริ่มจากป่าล้อมเมือง 31 จังหวัดชายแดน 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล และเกาะแก่ง นำร่องกระจายอำนาจปกครองตนเอง
“นโยบายทั้งหมดของพรรคมาจากประชาชนจริงๆ จากโครงการฟังเสียงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนำร่องในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้จัดทีมลงไปฟังเสียงประชาชนจริงๆ ว่าเขาต้องการอะไร จะแก้ไขอย่างไร ซึ่งนโยบายแรกคือการจัดการตัวเอง อย่างจังหวัดปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส และสงขลา มีศักยภาพที่ทำได้ การเลือกตั้งครั้งนี้เราหวังทำงานการเมืองอย่างจริงจัง ให้ประชาชนคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพื่อประชาชนได้จริง จึงหวังว่าประชาชนจะให้โอกาสว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเป็นธรรมครับ” กัณวีร์กล่าวในที่สุด