ถ้าเปรียบเป็นมวยก็ต้องบอกว่ายกนี้เฟซบุ๊ก (Facebook) และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) อาการหนักจนจวนเจียนจะพ่ายน็อกเอาต์ ต้องออกมากล่าวคำขอโทษผ่านสื่อถี่เป็นพิเศษ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม ซีอีโอหนุ่มวัย 33 ปีทุ่มเงินซื้อโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรรวม 9 ฉบับ ประกอบไปด้วย Mail On Sunday, The Sunday Times, The Observer, The New York Times, Washington Post และ The Wall Street Journal เป็นต้น (ส่วนใหญ่เป็นหนังสือพิมพ์ที่เปิดประเด็นเฟซบุ๊กทำข้อมูลผู้ใช้หลุด)
ก่อนใช้พื้นที่บนหนังสือพิมพ์ทั้ง 9 ฉบับดังกล่าวแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชนกับความล้มเหลวที่ไม่สามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานได้
“พวกเรามีหน้าที่ในการปกป้องข้อมูลของคุณ ถ้าเราไม่สามารถทำได้ เราก็ไม่คู่ควร”
ใจความสำคัญในแถลงการณ์กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลหลุดไปอยู่กับควิซแอปพลิเคชันของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (ดร.อเล็กซานเดอร์ โคแกน) พร้อมระบุว่าเป็นการทำลายความเชื่อใจต่อผู้ใช้งาน และเสียใจที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาเพิ่มเติม ณ ช่วงเวลาดังกล่าว แต่ยืนยันว่าต่อไปนี้เฟซบุ๊กจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำรอยแน่
โดยให้สัญญาว่าจะเพิ่มมาตรการปกป้องข้อมูลให้เข้มงวดขึ้น จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้จากแอปพลิเคชันอื่นๆ และจะเปิดฉากสอบสวนแอปพลิเคชันทุกตัวที่เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ พร้อมสั่งแบนแอปฯ และนักพัฒนาที่ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทันที ก่อนแจ้งให้ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบทราบ
“ขอบคุณที่เชื่อมั่นในชุมชนแห่งนี้ ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงมันให้ดียิ่งขึ้นเพื่อคุณ” มาร์กกล่าวทิ้งท้ายในแถลงการณ์
ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กถูกแฉอย่างต่อเนื่องว่าทำข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งาน 50 ล้านรายหลุดไปอยู่กับ Cambridge Analytica บริษัทวิจัยข้อมูลเพื่อการเลือกตั้ง จนโดนโจมตีและรุมกดดันจากทั่วสารทิศ ซึ่งได้นำไปสู่แคมเปญบอยคอตเลิกใช้เฟซบุ๊ก #DeleteFacebook ที่มีสื่อมวลชนและไบรอัน แอคตัน (Brian Acton) ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp เป็นตัวตั้งตัวตี
ขณะเดียวกันอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอบริษัท Tesla และ SpaceX ก็เพิ่งยกเลิกบัญชีเพจเฟซบุ๊ก Tesla และ SpaceX ที่มียอดกดไลก์รวมกันมากกว่า 5 ล้านรายเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้งานเฟซบุ๊กพร้อมจะผละจากโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มนี้อยู่ทุกเมื่อ
อ้างอิง:
