แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมหาอำนาจอย่าง Facebook ได้เปิดผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/63 ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคมตามเวลาท้องถิ่น โดยพบว่า บริษัทมีรายได้รวม 21,470 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6.7 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 22%
แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากการขายโฆษณา 98.8% หรือประมาณ 21,221 ล้านดอลลาร์ และรายได้อื่นๆ อีก 249 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.2% ซึ่งลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 7%
ส่วนจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ในปัจจุบัน (MAUs) อยู่ที่ 2.74 พันล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 12% โดยในสหรัฐฯ และแคนาดาเป็นเพียงแค่ตลาดเดียวของ Facebook ที่มียอดผู้ใช้งานลดลงที่ 1 ล้านราย ขณะที่ตลาดเอเชียแปซิฟิกมีผู้ใช้งานเพิ่มสูงสุดเมื่อเทียบกับทุกๆ ตลาดที่ 24 ล้านราย
ทั้งนี้ Facebook มีรายได้ต่อผู้ใช้งานหนึ่งรายในไตรมาสนี้ (APRU) เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.89 ดอลลาร์ หรือราว 246 บาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8.7%
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Facebook กล่าวผ่านแถลงการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทว่า “พวกเรามีไตรมาสที่เข้มแข็ง โดยที่ผู้คนและภาคธุรกิจก็ยังคงพึ่งพาบริการและเชื่อมโยงถึงกันผ่านแพลตฟอร์มของเรา ตลอดจนการสร้างสรรค์โอกาสทางเศรษฐกิจผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้
เรายังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการลงทุนพัฒนาในผลิตภัณฑ์ของเรา และจ้างงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีความหมายให้กับชุมชนผู้ใช้งานทั่วโลก”
สำหรับในช่วงไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ Facebook คาดว่ารายรับของพวกเขาจากรายได้โฆษณาจะเติบโตมากกว่าในช่วงไตรมาส 3 นี้ (เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี 2563 และ 2562) สืบเนื่องจากการที่แบรนด์และผู้ประกอบการน่าจะมีความต้องการยิงโฆษณาในช่วงเทศกาลหยุดยาวต่างๆ มากเป็นพิเศษ รวมไปถึงยอดสั่งซื้อล่วงหน้าของผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์อย่าง Oculus Quest 2 ที่ได้รับผลตอบรับดีเป็นพิเศษ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: