Facebook เตรียมสร้างโลกเสมือนแห่งอนาคต Metaverse โดยมีแผนเพิ่มตำแหน่งงานกว่า 10,000 ตำแหน่งในสหภาพยุโรปในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างโลกดิจิทัล Metaverse นี้ ซึ่ง Metaverse คือโลกดิจิทัลที่คนหลายๆ คนสามารถโต้ตอบกันได้ภายในสภาพแวดล้อมที่เป็น 3 มิติ
ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายนี้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 ตุลาคม) ว่าจะจ้างวิศวกรที่มีทักษะสูงในหลายประเทศทั่วทั้งยุโรป โดยบริษัทกำลังเน้นสรรหาบุคลากรโดยเฉพาะในเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และไอร์แลนด์
“ยุโรปมีความสำคัญอย่างมากต่อ Facebook” นิค เคล็กก์ หัวหน้าฝ่ายกิจการระดับโลกของ Facebook และ ฮาเวียร์ โอลิแวน รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ส่วนกลางกล่าวในบล็อกโพสต์เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
“จากพนักงานหลายพันคนในสหภาพยุโรป ไปจนถึงธุรกิจนับล้านที่ใช้แอปฯ และเครื่องมือของเราทุกวัน และยุโรปยังเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของเราด้วย เนื่องจาก Facebook อยู่ในทุกความสำเร็จของบริษัทต่างๆ ในยุโรป รวมถึงอยู่ในเศรษฐกิจในวงกว้างอีกด้วย” มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานกรรมการบริหารของ Facebook ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับ Metaverse ในเดือนกรกฎาคม
เมื่อเร็วๆ นี้ Facebook ได้เปิดตัวแอปฯ ที่ถือเป็นก้าวแรกใน Metaverse ซึ่งเป็นแอปฯ ที่ผู้ใช้สามารถจัดประชุมในโลกเสมือนดิจิทัลได้ และบริษัทอื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมถึง Microsoft, Roblox และ Epic Games ก็กำลังลงทุนอย่างหนักใน Metaverse เวอร์ชันของตนเองเช่นกัน
“เราเป็นผู้ริเริ่มความคิดที่จะทำให้ Metaverse เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เราจึงต้องการวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในความสำคัญเร่งด่วนที่สุดของ Facebook ตอนนี้” เคล็กก์และโอลิแวนกล่าว
“เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลทั่วสหภาพยุโรป เพื่อค้นหาผู้คนที่เหมาะสมและตลาดที่เหมาะสมเพื่อให้แผนการนี้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้ โดยเรากำลังจะเพิ่มการจัดหางานทั้งภูมิภาคยุโรป”
แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ข่าวลบต่างๆ ก็โหมกระหน่ำสร้างความวุ่นวายให้กับ Facebook โดยสำนักข่าว Wall Street Journal ได้เปิดเผยการวิจัยภายในของบริษัท ที่เกี่ยวกับผลกระทบด้านลบของแอปฯ Instagram ที่มีต่อวัยรุ่น และการที่บุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ได้รับการยกเว้นจากกฎเกณฑ์ต่างๆ ของ Facebook
เมื่อต้นเดือนนี้ ฟรานเซส เฮาเกน ผู้แจ้งเบาะแสที่รั่วไหลจากเอกสารภายใน ให้การเป็นพยานในการพิจารณาคดีของรัฐสภาสหรัฐฯ เฮาเกนกล่าวหาว่าผู้นำของบริษัทอย่างซักเคอร์เบิร์กว่า “เห็นการทำกำไรจากบุคคลที่มีชื่อเสียงสำคัญกว่าประชาชนคนธรรมดา” ทางด้านซักเคอร์เบิร์กได้ตอบกลับว่า “นั่นไม่เป็นความจริง” ในเวลาต่อมา
เฮาเกนและผู้แจ้งเบาะแส Facebook อีกคนหนึ่งคือ โซฟี จาง มีกำหนดขึ้นเป็นพยานต่อหน้ารัฐสภาสหราชอาณาจักรในเดือนนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติของสหภาพยุโรปยังเรียกร้องให้เฮาเกนปรากฏตัวในการพิจารณาคดีของรัฐสภาในเดือนพฤศจิกายนด้วย
อ้างอิง:
