เม็ดเงินโฆษณาจากแบรนด์จำนวนมากได้โยกจากสื่อออฟไลน์มาอยู่บนโลกดิจิทัลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักจนคนเดินทางออกจากบ้านได้น้อยลง ซึ่งหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับอานิสงส์บวกจนมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องลากยาวมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็คือ Facebook (FB)
เมื่อวานนี้ (28 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมหาอำนาจของโลกได้เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทออกมาและพบว่า พวกเขามีรายได้รวมที่ 26,171 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 818,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในระดับ +48% แบ่งเป็นรายได้จากโฆษณา 87% (+46% จากปีที่แล้ว) และรายได้อื่นๆ อีก 13% (+146% จากปีที่แล้ว)
ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 9,497 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2020 ที่ +94% ซึ่งฉายภาพความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพของบริษัทในการเดินหน้าสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี
ขยับมาดูที่ฝั่งสถิติผู้ใช้งานกันบ้าง ในไตรมาสแรกปี 2021 นี้ Facebook มีจำนวนผู้ใช้งานเฉลี่ยรวมแบบ MAUs (ต่อเดือน) ที่ 2,853 ล้านราย ซึ่งถ้าไปย้อนเปรียบเทียบรายไตรมาสจะพบว่า จำนวนผู้ใช้งานของพวกเขาเพิ่มขึ้นในทุกๆ ไตรมาส และทุกปี โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว +10% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า +2%
นั่นหมายความว่าอีกแค่ 150 ล้านราย Facebook ก็จะเข้าสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานระดับ 3,000 ล้านรายแล้ว ซึ่งถือเป็นสถิติตัวเลขที่สูงสุดของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและดิจิทัล ณ เวลานี้ (ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ก็สูงสุดอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ)
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ Facebook กล่าวว่า “เรามีช่วงไตรมาสที่แข็งแกร่ง ทั้งยังได้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อเข้าถึงกัน และทำให้ภาคธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่เราเองยังคงมุ่งมั่นในการลงทุนอย่างหนักเพื่อให้ Facebook สามารถส่งต่อประสบการณ์ที่สดใหม่ มีความหมายในอีกหลายปีต่อจากนี้ รวมถึงการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในตลาด เช่น AR, VR, ภาคการค้าปลีก และเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับกลุ่มครีเอเตอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ต่างๆ”
จากคำกล่าวของซักเคอร์เบิร์ก ก็น่าจะพอทำให้เราเห็น ‘เค้าลาง’ ต่อจากนี้ว่า สิ่งที่ Facebook จะให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องน่าจะเน้นหนักไปที่กลุ่มสินค้าอย่าง AR และ VR โดยเฉพาะรายหลังที่ช่วยให้ Facebook มีรายได้จากการจำหน่ายแว่นตา VR Oculus มากถึง 732 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 297 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น และไม่นับรวมเป็นรายได้ก้อนเดียวกันกับรายได้โฆษณา
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
