งานนี้ไม่รู้ใครพูดความจริงและใครโกหก เมื่อ The New York Times สื่อยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเปิดโปงว่า สื่อสังคมออนไลน์ Facebook ให้สิทธิ์ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ต่ำกว่า 60 รายสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้และเพื่อนในระบบหลังบ้านได้ ด้าน Facebook โต้กลับข่าวลือดังกล่าวพร้อมระบุว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
The New York Times ได้เผยแพร่บทความเรื่อง ‘Facebook Gave Device Makers Deep Access to Data on Users and Friends’ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน โดยระบุว่า Facebook ได้เปิดให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ดีไวซ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ฯลฯ ไม่ต่ำกว่า 60 ราย ทั้ง Apple, Samsung, Amazon, BlackBerry และ Microsoft สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้โซเชียลมีเดียและเพื่อนๆ ได้มาตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา หรือก่อนที่ Facebook จะเปิดให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟนด้วยซ้ำ
The New York Times ระบุว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จัดเป็นการทำงานร่วมกันแบบ ‘partnerships’ ที่เหมือนจะวินวินร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย โดย Facebook เองก็สามารถขยายความนิยมของผู้ใช้ไปในหลากหลายอุปกรณ์ ขณะที่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละเจ้าก็จะให้บริการ Facebook, ฟีเจอร์การแชต รวมถึงสมุดบัญชีกับผู้ใช้งานได้
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นสื่อดังจากสหรัฐฯ ไม่ได้มองว่าเป็นผลพวงมาจากการทำงานร่วมกันแบบพาร์ตเนอร์ แต่มาจากสาเหตุที่ Facebook ปล่อยให้บริษัทผลิตอุปกรณ์เหล่านั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้และเพื่อนโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน!
หลังประเด็นดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปไม่นาน (แต่ก็นานพอจะทำให้ Facebook ถูกโจมตีอย่างรุนแรง) เว็บไซต์ข่าวต่างๆ ก็นำไปเผยแพร่ต่อในวงกว้าง ส่วนความเห็นจากผู้ใช้ในเว็บไซต์ Reddit จำนวนไม่น้อยต่างก่นด่าโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้มากกว่า 2 ล้านรายทั่วโลกกันยกใหญ่
ล่าสุด Facebook นำโดย Ime Archibong รองประธานบริหารฝ่ายความร่วมมือด้านผลิตภัณฑ์กับพันธมิตรได้ออกมาโต้กลับผ่านเว็บไซต์เผยแพร่ข่าวของ Facebook โดยระบุว่า เขาไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ The New York Times นำเสนอโดยร่ายยาวเรื่องหลักการของ device-integrated API ที่ได้ร่วมงานกับผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน Facebook
Archibong บอกว่า ในช่วงระยะแรกๆ ของสมาร์ทโฟน ความต้องการที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ (แอปฯ) ของ Facebook ขึ้นมาให้ใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนทุกระบบปฏิบัติการนั้นแซงหน้าขีดความสามารถของพวกเขา ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวก็ยังไม่มี App Store เหมือนปัจจุบัน ทำให้บริษัทอย่าง Facebook, Google, Twitter หรือแม้แต่ YouTube จำเป็นจะต้องประสานงานร่วมกับผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์ต่างๆ โดยตรงเพื่อให้เกิดเป็นโปรดักต์ของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ Facebook จึงต้องอาศัย device-integrated API เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างแอปฯ โซเชียลมีเดียบนแพลตฟอร์มของตนได้ แต่ย้ำว่าการเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทเหล่านั้น Facebook ได้เซ็นสัญญาร่วมเพื่อห้ามไม่ให้เหล่าผู้ผลิตอุปกรณ์ทั้งหลายเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้บน Facebook โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนเป็นอันขาด ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่ The New York Times กล่าวหาโดยสิ้นเชิง
เพราะไม่รู้ว่าข้อมูลจากใครจะน่าเชื่อถือกว่ากัน ผู้บริโภคอย่างเราจึงทำได้แค่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมในประเด็นนี้ให้ดีๆ ว่า The New York Times หรือสื่อรายอื่นๆ จะออกมาโต้กลับหรือแฉ Facebook เพิ่มเติมว่าอย่างไร
อ้างอิง: