วันนี้ (14 มีนาคม) คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ออกแถลงการณ์ เตรียมนำเหตุการณ์จากการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 3 รอบแชมเปียนส์ลีก โซนล่าง นัดแรก คู่ระหว่างสโมสรมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ กับ บางกอก เอฟซี เข้าสู่กระบวนการพิจารณาวินัย มารยาท
เกมดังกล่าวมีเหตุการณ์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของการแข่งขันครึ่งเวลาหลัง ที่ อิศเรศ น้อยใจบุญ ผู้เล่นหมายเลข 6 ของบางกอก เอฟซี ที่ทำฟาวล์รุนแรงใส่ ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิตร ผู้เล่นหมายเลข 33 ของสโมสรมหาวิทยาลัยนอร์ธกรุงเทพ จนได้รับบาดเจ็บและนำตัวส่งโรงพยาบาล
โดย พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ให้ความสำคัญ และได้สั่งการให้คณะพิจารณาวินัย มารยาท ดำเนินการพิจารณาโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งให้ติดตามดูแลนักฟุตบอลที่ได้รับบาดเจ็บเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ทางด้านคดีได้ให้ฝ่ายกฎหมายของสมาคมฯ ติดตามเรื่องการดำเนินคดี ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจภูธรธัญบุรีอย่างใกล้ชิดแล้ว
สำหรับขั้นตอนก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ทางฝ่ายผู้ควบคุมการแข่งขัน ผู้ประเมินผู้ตัดสิน รวมถึงผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ในเกมดังกล่าว จะส่งรายงานชี้แจงเหตุการณ์ รวมทั้งคลิปเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาวินัย มารยาท ต่อไป
โดย กฎ ระเบียบข้อบังคับ คณะพิจารณาวินัย มารยาท สมาคมฯ ประจำการแข่งขันฤดูกาล 2021/22 ในข้อ 1.1.2 เรื่อง นักกีฬาถูกผู้ตัดสินให้ออกจากการแข่งขัน (ได้รับใบแดง) ด้วยการกระทำผิด ในหมวด 1
(1) ประพฤติผิดอย่างร้ายแรง (Violent Conduct) เช่น นักกีฬาฟุตบอลเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้ โดยไม่ได้เล่นลูกบอล หรือลูกบอลไม่อยู่ในระยะของการเล่น หรือใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่คู่ต่อสู้ ทั้งนี้ ให้ความหมายถึงการกระทำผิดต่อเจ้าหน้าที่ทีมฝ่ายตรงข้าม นักกีฬาฟุตบอลสำรอง และผู้ตัดสิน โดยความติดตามข้อ (1) และ (2) ต้องถูกพักการแข่งขันครั้งต่อไป และปรับเงินดังนี้
ครั้งที่ 1 ถูกพักการแข่งขัน 2 นัด ปรับเงิน 20,000 บาท
ครั้งที่ 2 ถูกพักการแข่งขัน 3 นัด ปรับเงิน 40,000 บาท
ครั้งที่ 3 และครั้งต่อๆไป ถูกพักการแข่งขัน 4 นัด ปรับเงิน 60,000 บาท
1.12 ทำร้ายร่างกาย บุคคลใด แต่ละกรณีมีโทษดังนี้
(1) ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการแข่งขัน และห้ามเข้าสนาม 1 ถึง 3 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท
(2) เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการแข่งขัน และห้ามเข้าสนาม 2 นัด ถึง 4 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 60,000 บาท
(3) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ถูกพักการแข่งขัน และห้ามเข้าสนาม 3 นัด ถึง 5 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 80,000 บาท
(4) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายถึงแก้ความตาย ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนามตลอดชีวิต และปรับเงินตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 100,000 บาท
อนึ่ง เนื่องจากเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ อย่างมาก โดยผู้กระทำมีเจตนาที่จะฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณนักกีฬาอาชีพ คณะกรรมการวินัยมารยาท อาจจะไม่ลงโทษตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษวินัยมารยาท ข้อ 1.12 ที่มีบทลงโทษห้ามลงทำการแข่งขัน 4 นัด และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 60,000 บาท แต่จะเสนอให้นายกสมาคมฯ พิจารณาลงโทษตามระเบียบข้อบังคับ ว่าด้วยจรรยาบรรณนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพ ในความดูแลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2560 แทน ซึ่งจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนเป็นการเฉพาะ และมีบทลงโทษ ห้ามมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกีฬาฟุตบอลที่สมาคมฯ จัดขึ้น