วันนี้ (16 เมษายน) เป็นการแข่งขันเอฟเอคัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้พบลิเวอร์พูลที่สนามเวมบลีย์
โดยเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปรับทัพถึง 7 คนจากเกม 2 ของศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับ แอตเลติโก มาดริด โดยคีย์แมนคนสำคัญอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ เป็นตำแหน่งสำรอง ส่ง แจ็ค กรีลิช ลงเป็นตัวจริง ขณะที่ ไคล์ วอล์กเกอร์ หลุดจากทีมเนื่องจากอาการบาดเจ็บ
ลิเวอร์พูลเลือกใช้ หลุยส์ ดิอาซ ลงสนามมาเป็นตัวจริง ร่วมกับ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน ในเกมรุก
เริ่มเกมลิเวอร์พูลได้ประตูขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 9 จากลูกเตะมุมที่แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดเข้ามาและเป็น อิบราฮิมา โกนาเต กระโดดขึ้นโหม่งเข้าประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0
นาทีที่ 19 ลิเวอร์พูล ได้ประตูที่ 2 ซาดิโอ มาเน เข้าชาร์จ แซค สเตฟเฟน ผู้รักษาประตูแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ออกบอลช้า จนบอลเข้าประตูไปทำให้ลิเวอร์พูลนำห่างไปเป็น 2-0
เกมของแมนฯ ซิตี้ แม้ครองบอลเดินเกมเข้าไปสู่แดนของลิเวอร์พูลได้บ้าง แต่แนวรุกของแมนฯ ซิตี้วันนี้ขาดความแม่นยำในการต่อบอล จนเสียการครองบอลหลายครั้ง และหมดโอกาสเข้าทำประตู
ก่อนจบครึ่งหลังลิเวอร์พูลหนีห่างไปเป็น 3-0 จากลูกยิงสุดสวยของ ซาดิโอ มาเน จากจังหวะที่ ติอาโก อัลคันทารา ชิปบอลออกมาด้านขวาของประตู และมาเนวอลเลย์บอลพุ่งเลียดเข้าประตูไป ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
เริ่มต้นครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ไล่ขึ้นมาเป็น 1-3 จากจังหวะที่ กาเบรียล เฆซุส ลากบอลหนีกองหลังลิเวอร์พูลมา ก่อนจะปาดบอลให้ แจ็ค กรีลิช ซัดเข้าประตูไปตั้งแต่นาทีที่ 2 ของครึ่งหลัง
ช่วง 5 นาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลปรับทัพเอา มาเน ผู้ทำ 2 ประตูในเกมนี้ ออกพร้อมกับดิอาซ และส่งเอา โรแบร์โต เฟยร์มิโน และ ดีโอโก โชตา ลงมาแทน
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนฯ ซิตี้ได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 2-3 จากลูกยิงของ แบร์นาร์โด ซิลวา
ซิตี้ไม่ยอมแพ้บุกต่อเนื่องช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลยันไว้ได้ก่อนจะจบเกมด้วยสกอร์ 3-2 ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบชิงศึกเอฟเอคัพ ไปรอพบผู้ชนะระหว่าง เชลซี และ คริสตัล พาเลซ ที่จะลงแข่งขันในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย