วันนี้ (26 ตุลาคม) สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างการเปิดสภาสมัยประชุมวิสามัญเพื่ออภิปรายหาทางออกประเทศโดยไม่ลงมติว่า การเผชิญสภาพในปัจจุบันเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ผู้ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านการทหารอย่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งมีที่มาจากความคิดและการกระทำที่เป็นเผด็จการ เพราะพวกท่านไม่อาจเข้าใจว่าจะสร้างสรรค์นโยบาย ขับเคลื่อนกิจกรรมเศรษฐกิจ แก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด พวกท่านไม่เข้าใจประชาชน และไม่เคยคิดถึงความทุกข์ของประชาชน เพราะท่านไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง แม้จะกล่าวอ้างว่าพวกตนมาจากการเลือกตั้งก็เป็นการเลือกตั้งที่ท่านสมคบกันตอกหลักสร้างฐานอำนาจให้แก่ตนเองและพวกพ้องภายใต้รัฐธรรมนูญที่ออกแบบอย่างซับซ้อน ซ่อนกลไกเพื่อทำลายหลักการประชาธิปไตยที่พึงมี แค่เป้าหมายสูงสุดของพวกท่านคือร่วมกันสืบทอดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ
“สถานการณ์เป็นประจักษ์พยานอย่างดีว่า พล.อ. ประยุทธ์ และรัฐบาลของท่าน
ไม่เคยเข้าใจประชาชน ไม่แม้แต่จะใส่ใจรับฟัง ไม่แม้แต่จะคิดถึงผลกระทบที่จะส่งผลต่ออนาคตของชาติ คือการที่รัฐบาลออกมาแถลงข่าวบอกปัดไปวันๆ” สมพงษ์กล่าว
สมพงษ์กล่าวต่อไปว่า พล.อ. ประยุทธ์ อ้างว่าได้ใช้หลักการควบคุมดูแลฝูงชนตามหลักสากล แต่ไม่เคยยอมรับว่ามาตรการที่รัฐบาลใช้กับประชาชนของตนเป็นมาตรการแบบก้าวกระโดดที่รุนแรงและนำออกมาใช้เกินกว่าเหตุจนสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มาตรการรุนแรงเช่นนั้นเกิดจากความกลัวและความเกลียดชังประชาชนของตนมากกว่าจะเอาใจใส่ถึงความปลอดภัยต่อชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา เยาวชน ที่โดยหลักแล้วรัฐต้องให้ความคุ้มครอง ให้ความสําคัญกับข้อเรียกร้องของพวกเขา สิ่งที่ปรากฏคือพวกเขาถูกความทุกข์ทับถมจนต้องออกมาแสดงตัว แสดงความเห็น และเสนอข้อเรียกร้องที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาหลากหลายมิติ
“การชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในวันนี้เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย การแสดงออกซึ่งความคิดและมุมมองที่มีต่อสังคม ความคิดเห็นต่างๆ ต่อข้อเสนอและแนวคิดที่ถูกนำเสนอออกสู่สาธารณชนนั้นควรจะได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังถึงความเหมาะสม ความถูกต้อง และร่วมกันหาทางออกให้ประเทศอย่างเปิดเผย ไม่ใช่เพียงการซื้อเวลา ออกมากล่าวหา และบอกปัดอย่างไม่ตระหนักถึงปมรากปัญหาที่แท้จริง” สมพงษ์กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวต่อไปด้วยว่า ตนเห็นว่าสภาแห่งนี้ควรใช้เวลาที่มีอยู่ 2 วันเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาและหาข้อสรุปในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ดังนี้
- ต้องพิจารณาข้อเสนอของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนอย่างจริงจัง เปิดใจรับฟังแต่ละปัญหาที่นำเสนออย่างมีวิจารณญาณ
- ต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็ว ไม่เตะถ่วงหรือดึงเวลาให้ล่าช้า ไม่ทันสถานการณ์วิกฤตที่กำลังบานปลาย
โดยต้องเร่งพิจารณาต้นเหตุสำคัญของปัญหา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ
ต้องเร่งปลดเงื่อนไขที่เป็นมูลเหตุของวิกฤต เร่งปล่อยตัวนักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่ถูกจับกุมคุมขังจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยพลัน
ปลดเงื่อนไขที่จะทำให้สถานการณ์บานปลาย ยุติการปิดกั้นสื่อ เปิดช่องทางการรับรู้ข่าวสารของประชาชน และยุติการใช้กฎหมายที่ดำเนินคดีกับประชาชนผู้เห็นต่างจากรัฐบาลโดยเร็วที่สุด
“ที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีต้องลาออก เพราะท่านคืออุปสรรคสำคัญที่เป็นภาระของประเทศ หากท่านลาออกจะถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดและความล้มเหลวทั้งปวงที่ได้กระทำลงไป” สมพงษ์กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์