กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK มองบาทอ่อนอาจดันส่งออกไทยอาจขยายตัวได้ถึง 8.5% ในปีนี้ พร้อมชูกลยุทธ์หนุนลูกค้าลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต ยืนยันตรึงอัตราดอกเบี้ยไปถึงสิ้นปีนี้ ตามหลักการ People Before Profit แม้อาจทำให้กำไรของธนาคารลดลง เผยปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ทะลุ 5.1 หมื่นล้านบาทแล้ว ขณะที่อัตราหนี้เสีย (NPL) ยังอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3%
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เผยผลการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 (ระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2565) ว่ามีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 51,243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนนี้เป็นวงเงินของผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 12,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรายอดคงค้างสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ความท้าทาย ‘ เศรษฐกิจไทย ปี 2566 ’ กับการปรับตัวของภาคธุรกิจ
- ฉวยจังหวะค่าเงินอ่อน ส่องโอกาสลงทุนหุ้นโลก สร้างพอร์ตเติบโตระยะยาว
- ‘ส่วนต่างรายได้’ กับนโยบายรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ระบุว่า NPL ของ EXIM BANK แทบจะไม่เพิ่มสักเท่าไร โดยยังคงต่ำกว่า 3% สะท้อนว่าการเติบโตของธนาคารไม่ได้มาจากการเติมสินเชื่อที่ไม่ดีเข้ามา
“สินเชื่อที่เรานำเข้ามาส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่มีหมุดหมายในเวทีโลกทั้งสิ้น และขณะเดียวกันก็เป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ ที่ต้องการจะ Go Green โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในห่วงโซ่ BCG ทั้งหมด และยังมีผลกำไรที่น่าชื่นชมด้วย” ดร.รักษ์กล่าว
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวอีกว่า “กำไรในปีนี้ หรือแม้กระทั่งในปีที่แล้ว EXIM BANK สามารถพลิกกลับมาทำกำไรจากขาดทุนได้ โดยปีนี้มีรายได้จากดอกเบี้ยเกือบ 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 12% ถือเป็นการพิสูจน์ว่าถ้าเราจับธุรกิจที่มีความแตกต่าง ไม่ใช่ธุรกิจดังเดิม (Traditional) หรืออุตสาหกรรมตะวันตกดิน (Sunset Industries) และยังช่วยลูกค้าพัฒนาตัวตนไปด้วย”
คำพูดดังกล่าวเป็นการตอกย้ำ 3 เครื่องมือใหม่ของ EXIM BANK เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเริ่มต้นจาก 1. บริการสร้างตัวตนแบบครบวงจรให้ SMEs ไทยในเวทีโลก 2. บริการสร้างโอกาสการลงทุนในต่างแดน โดยเฉพาะ New Frontiers รวมถึง CLMV ต่อด้วย 3. บริการยกระดับธุรกิจไทยสู่ BCG Model มุ่งสร้างเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำตามนโยบายรัฐบาล โดยตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อคงค้างเป็น 3 แสนล้านบาทภายในปี 2570
ยืนยันตรึงดอกเบี้ยถึงสิ้นปี ย้ำหลักการ People Before Profit
ดร.รักษ์ยังระบุว่า แม้ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้กำไรของธนาคารลดลง เนื่องจาก EXIM BANK ยืนยันในจุดยืนว่า จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ตามพันธกิจที่ EXIM BANK ซึ่งเป็นธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐฯ มีต่อสังคม
“แต่ถึงแม้กำไรจะน้อยลง แต่ก็มากกว่าปีที่แล้ว และ EXIM BANK ยังจะสามารถช่วยคนได้อีกหลายธุรกิจ เฉพาะฉะนั้นผมจึงย้ำว่า People Before Profit หรือคนมาก่อนกำไร ถ้าเราช่วยเขาได้ เขาก็ช่วยทำให้ฐานทุนของเราเติบโตขึ้นได้ และมี NPL ได้น้อยที่สุด แต่ถ้าหากเราไปขึ้นดอกเบี้ย แล้ว NPL มันท่วมเพราะเขาจ่ายไม่ไหว นั่นไม่ใช่ภาพที่เราอยากเห็น” ดร.รักษ์กล่าว
‘บาทอ่อน’ ดันส่งออกไทยอาจขยายตัวได้ถึง 8.5%
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ยืนยันมุมมองที่ว่า ค่าเงินยิ่งอ่อนยิ่งดีกับการส่งออก พร้อมทั้งยืนยันว่า ลูกค้าของ EXIM BANK ไม่จำเป็นต้องกังวลต่ออัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนเลย เนื่องจาก EXIM BANK มีเกราะป้องกันความเสี่ยงให้
“ค่าเงินยิ่งอ่อน ยิ่งดีกับคนส่งออก โดยส่งออกน่าจะเห็นการขยายตัวได้ที่ 8.3-8.5% ในปีนี้ แม้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงน่าจะมีภาพอนาคตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเรายังอยู่กับอุตสาหกรรมเดิมๆ อุตสาหกรรมที่ไม่มีที่ยืนในเวทีโลก และไม่สามารถเข้าไปสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกได้ ต่อให้ตลาดดีอย่างไร เราก็จะขายของไม่ได้ แต่ตอนนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่า คนที่เข้ามาอยู่ใน Ecosystem ของ EXIM BANK นอกจากเติมเงิน เรายังเติมความรู้ และ Business Matching ด้วย นอกจากนี้ คนที่อยู่ในวงจรของ EXIM BANK ยังไม่กังวลเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเลย เนื่องจากธนาคารมีสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) แถมให้ และมีการประกันค่าเงิน (Options) ให้ เรามีเสื้อเกราะใส่ให้หมด รวมถึง Export Credit Insurance ด้วย” ดร.รักษ์กล่าว
ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) คือสัญญาซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศในอนาคตด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้ (ล็อกเรท) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน
ขณะที่การประกันค่าเงิน (Options) คือการซื้อสิทธิ์ที่จะซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศในอนาคตด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ได้ตกลงไว้ล่วงหน้ากับธนาคาร หรือเรียกง่ายๆ ว่าการซื้อสิทธิ์ในการล็อกเรท