วันนี้ (8 มิถุนายน) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำ อท.180/2564 ที่ อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต 3 เป็นโจทก์ และมี จันทร์จิรา ธนะพัฒน์ เป็นโจทก์ร่วมที่ 1, จักรกฤษณ์ กลั่นดี โจทก์ร่วมที่ 2 ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) เมืองนครสวรค์ พร้อมพวกอีก 6 ราย
จักรกฤษณ์ กลั่นดี และจันทร์จิรา ธนะพัฒน์ พ่อและแม่ของ จิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือมาวิน ผู้เสียชีวิตจากการถูกจับกุม ควบคุมตัว และถูกสอบสวนด้วยวิธีการคลุมถุงพลาสติกไว้ที่ศรีษะ จากคดียาเสพติด เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองนครสวรรค์
โดยจักรกฤษณ์กล่าวว่า หลังฟังคำพิพากษาก็เข้าใจมากขึ้น เพราะศาลท่านพิจารณาหลักฐานต่างๆ ละเอียดมาก ตอนนี้ทางฝั่งจำเลยวางเงินไว้ที่ตนเองกับจันทร์จิรา คนละ 300,000 บาท แต่จากนี้อาจต้องไปฟ้องต่ออีกศาล เพราะที่ศาลนี้ระบุไว้ว่าไม่สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ แต่ยืนยันว่าถึงอย่างไรจะฟ้องต่ออีกแน่นอน
ซึ่งหากคิดคำนวณตามค่าเลี้ยงดูที่หากลูกชายตนยังมีชีวิตอยู่ในเวลา 10 ปี จะสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ประมาณ 1,550,000 บาท หลักนี้เป็นตามที่ทนายความได้แนะนำ ขณะนี้มีทนายหลายท่านแนะนำว่าให้ตนเรียกค่าเสียหากมากกว่านี้ แต่เรื่องนี้ต้องขอปรึกษาทนายของตนและครอบครัวก่อน แต่ไม่มีการตกลงอะไรกับฝ่ายจำเลยนอกรอบแน่นอน
ทั้งนี้ระหว่างนั่งฟังคำพิพากษา จักรกฤษณ์รับว่าได้มองไปที่จอภาพคอนเฟอเรนซ์เพื่อสังเกตฝั่งจำเลย ส่วนตัวคิดว่าพวกเขาคงคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในเมื่อมีหลักฐานแบบนี้แล้วก็แล้วแต่เขา ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อไปก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณา
ส่วนกรณีที่มีการพิพากษาลงโทษประหาร แต่ท้ายสุดลดโทษเป็นการจำคุกตลอดชีวิต จักรกฤษณ์กล่าวว่า ความจริงพ่อกับแม่ไม่อยากจะต่ออะไร แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ในความรู้สึกยอมรับว่าเหมือนผูกพยาบาทอาฆาต และขอฝากถึงเจ้าหน้าที่รัฐในการทำงานแบบนี้ว่า ตนเข้าใจในการทำงานและการพลาดพลั้งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อพวกคุณไปรวมกลุ่มกัน มันน่าจะมีการห้ามปรามกัน ไม่ใช่ยืนดู จับมัดแขน-ขา ใส่กุญแจมือและเท้า สภาพศพที่พ่อเห็นคือบอบช้ำทั้งตัว
ส่วนประเด็นที่ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ พยายามจะกล่าวขอโทษผ่านการแถลงต่อศาลในวันนี้ จักรกฤษณ์กล่าวว่า ตั้งแต่แรกที่เขาถูกจับ เขาก็ขอโทษ มาขอโทษพ่อกับแม่ก่อนเลย บอกว่าขอโทษนะครับ และครั้งแรกที่ตนเจอที่ศาล เจอในห้องพิพากษา ทั้ง 7 คนจะมากราบขอโทษพ่อกับแม่ แต่ถ้าพูดตรงๆ ตนรับการกระทำของพวกเขาไม่ได้
วันนี้ระหว่างที่ศาลบรรยายพฤติกรรมการคลุมถุงที่ศีรษะอย่างละเอียด ซึ่งส่วนที่สะเทือนใจก็คือการได้รับรู้ว่ามีการเพิ่มจำนวนถุงพลาสติกเรื่อยๆ จาก 1 ใบ เป็น 7 ใบ และยังใส่กุญแจมือและเท้า การคลุมถุงพลาสติกที่ศีรษะ อ้างว่าลูกชายตนไม่ยอมพูด จักรกฤษณ์กล่าวว่า ตอนนั้นมันปิดหมดเลย มันรัด พูดไม่ได้ อากาศหายใจไม่มี แต่ก็เพิ่มจำนวนถุงพลาสติกเรื่อยๆ จนขาดอากาศหายใจแล้วฟุบไป จากนั้นก็เอาน้ำมาราดตามที่ดูในคลิป ถึงพยายามปั๊มหัวใจ แต่ตอนนั้นลูกตายแล้ว ตลอดเวลาที่นั่งฟังคำบรรยาย จันทร์จิรา ที่เป็นแม่ก็ยืนร้องไห้ แต่ตนทำอะไรไม่ได้ จากนี้ขอให้ทั้ง 7 คนได้รับบทเรียนในสิ่งที่ทำลงไป ได้ชดใช้ ตนจำได้ว่าศาลเคยถามตนครั้งแรกหลังดูคลิปหลักฐานว่า รู้ได้อย่างไรว่าเป็นลูก ตอนนั้นตนได้ตอบไปว่า พ่อแม่รู้ว่าลูกมีเสียงอย่างไร แค่ร้อง โอ๊ย ได้ยินเสียงจากในคลิปก็รู้ว่าเป็นลูกเรา
ด้านจันทร์จิรา แม่ของมาวิน ระบุว่า วันนี้ไม่รู้ว่าจำเลยสำนึกจริงหรือไม่ แต่แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้ลูกแม่ตายแบบนี้ แต่ส่วนตัวแม่อยากให้ลงโทษประหารชีวิต เพราะจากที่ฟังศาลบรรยาย พฤติการณ์มันยิ่งกว่าที่ตนเคยดูคลิป ฟังแล้วรับไม่ได้ จึงอยากให้ประหาร แลกกับชีวิตลูกตน
ทั้งนี้ โชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ ได้กล่าวภายหลังการอ่านคำพิพาษาว่า เมื่อคำพิพากษาออกมาในรูปแบบนี้จะต้องมีการยื่นอุทธรณ์อย่างแน่นอนภายใน 30 วัน และอาจจะขยายเวลาได้ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดคำพิพากษาทั้งหมด ที่ผ่านมาคดีนี้สู้ตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน โดยเฉพาะคลิปเหตุการณ์ตอนคลุมศีรษะ เป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาให้เสียชีวิต แม้จำเลยกับพวกจะคลุมด้วยถุงพลาสติกหลายใบ แต่ก็ได้คลายถุงให้มีอากาศหายใจ