หลังจากที่มีการคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่แล้วว่าเอฟเวอร์ตันจะถูกลงโทษสถานหนักจากพรีเมียร์ลีก จากการกระทำผิดกฎทางการเงินที่เรียกว่า ‘Profit and Sustainability Rule’ (PSR หรือก่อนหน้านี้เรียกว่า P&S) ในที่สุดก็มีการประกาศบทลงโทษออกมาอย่างเป็นทางการ
โดยโทษนั้นน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์เอาไว้เล็กน้อยจาก 12 เหลือเป็นการตัดแต้ม 10 แต้มด้วยกัน
บทลงโทษดังกล่าวทำให้ประเด็นเรื่องการกระทำผิดกฎทางการเงินของสโมสรในพรีเมียร์ลีกกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจในวงกว้างขึ้นมาทันทีหลังจากที่เป็นเรื่องที่อยู่ในวงแคบมานาน ซึ่งมีหลายคำถามที่เกิดขึ้นกับกรณีของเอฟเวอร์ตันเอง
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณีของ 2 สโมสรใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการกระทำผิดร้ายแรงทางกฎการเงินเช่นกันอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้และเชลซี ซึ่งบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดมีการคาดหมายว่าอาจถึงขั้นการปรับตกชั้นได้เลยทีเดียว
มันจะถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
เอฟเวอร์ตันทำผิดอะไร?
สำหรับกรณีของเอฟเวอร์ตัน บทลงโทษตัดแต้ม 10 แต้ม ถือเป็นการลงโทษตัดแต้มที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก
ก่อนหน้านี้เคยมีการลงโทษมิดเดิลสโบรช์ด้วยการตัด 3 คะแนนในฤดูกาล 1996/97 (ขอยกเลิกแมตช์โดยไม่ได้รับอนุญาตเนื่องจากทีมประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ) และพอร์ตสมัธที่ถูกตัด 9 คะแนนในฤดูกาล 2009/10 จากการที่สโมสรต้องถูกเข้าควบคุมกิจการจากการบริหารที่ล้มเหลวทางการเงิน
ทั้งมิดเดิลสโบรช์และพอร์ตสมัธสุดท้ายแล้วตกชั้นด้วยกันทั้งสองทีม
ขณะที่เอฟเวอร์ตัน การลงโทษมาจากการที่สโมสรทำผิดในกรณีที่ปลอมแปลงตัวเลขบัญชีสโมสร เพื่อให้เป็นไปตามกฎ PSR ที่ระบุว่าแต่ละสโมสรจะสามารถขาดทุนในช่วงระยะเวลา 3 ปีได้ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ โดยมีตัวเลขในการขาดทุนเกินไป 19.5 ล้านปอนด์
ความพยายามในการบิดเบือนตัวเลขด้วยการผ่องถ่ายรายจ่ายบางอย่างออกไปอยู่ที่การสร้างสนามแข่งแห่งใหม่ที่แบรมลีย์-มัวร์ ด็อก ถือเป็นการกระทำทุจริต
หลังการตรวจสอบพรีเมียร์ลีก ซึ่งเร่งรัดกระบวนการในการพิจารณาคดีทางการเงินให้เร็วขึ้น หลังจากถูกร้องเรียนว่าการพิจารณาเป็นไปอย่างล่าช้าจนทำให้เอฟเวอร์ตันรอดพ้นจากการตกชั้นในฤดูกาลที่แล้ว 2022/23 ได้ตัดสินว่าผลประกอบการติดลบของเอฟเวอร์ตันเกิดจากการบริหารจัดการที่ย่ำแย่เองของสโมสร โดยเฉพาะการซื้อผู้เล่น
ประกอบกับการเสียโอกาสในการขายสิทธิ์ชื่อสนามให้แก่ USM บริษัทสัญชาติรัสเซีย ซึ่งเป็นของ อลิเชอร์ อุสมานอฟ มหาเศรษฐีที่เป็นผู้ร่วมลงทุนกับ ฟาร์ฮัด โมชิริ เจ้าของสโมสร จนทำให้ขาดเงินรายได้ไปกว่า 200 ล้านปอนด์ ทำให้สถานะทางการเงินของสโมสรเข้าขั้นวิกฤต
สุดท้ายก็นำไปสู่บทลงโทษในที่สุด แม้จะเป็นที่คาดกันว่าจะมีความพยายามในการต่อสู้ยื่นอุทธรณ์หลังจากนี้ก็ตาม
เจ้ากรรมนายเวรยังตามต่อ
ประเด็นที่น่าสนใจคือเอฟเวอร์ตันอาจจะต้องชดใช้ผลกรรมมากกว่าแค่เรื่องของการโดนตัดแต้มที่ทำให้มีความเสี่ยงที่จะตกชั้นในฤดูกาลนี้เท่านั้น
นั่นเพราะการที่พวกเขารอดตัวจากการถูกลงโทษในฤดูกาลที่แล้ว (2022/23) และฤดูกาลก่อนหน้านั้น (2021/22) ทำให้มีทีมที่สูญเสียประโยชน์อย่างลีดส์ ยูไนเต็ด, เซาแธมป์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้, เบิร์นลีย์ รวมถึงน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่พยายามจะขอเข้ามามีส่วนในกระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดีด้วย เพียงแต่พรีเมียร์ลีกปฏิเสธ
แต่เชื่อว่าสโมสรที่เสียประโยชน์อย่างลีดส์, เซาแธมป์ตัน, เลสเตอร์ ที่ตกชั้นในฤดูกาลที่แล้วจะทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเอฟเวอร์ตันอีกทีมละ 100 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นการชดเชยความยุติธรรมที่ขาดหายไป
ก่อนหน้านี้ในปี 2009 เคยมีกรณีที่เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จำต้องยอมจ่ายเงิน 20 ล้านปอนด์ ให้แก่เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หลังจากที่มีกรณีสัญญาของ คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าดาวดังทีมชาติอาร์เจนตินาที่มีกลุ่มเจ้าของรายที่ 3 (Third-Party Ownership) เป็นนักลงทุนและเอเจนต์ แต่ไม่ใช่สโมสรฟุตบอลโดยตรง ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎ และดาวยิงรายนี้ก็มีส่วนช่วยให้เวสต์แฮมอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาล 2006/07 หลังย้ายมาจากโบคา จูเนียร์ส แบบช็อกโลก
ดังนั้นมีโอกาสที่เอฟเวอร์ตันจะโดนเล่นงานซ้ำอีก และทำให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตหนักข้อขึ้นไปอีก
บทลงโทษเอฟเวอร์ตันคือบรรทัดฐานที่น่ากังวลของแมนฯ ซิตี้และเชลซี
สิ่งที่มีการตั้งคำถามต่อมาเกี่ยวกับบทลงโทษที่เอฟเวอร์ตันเผชิญคือ แล้วแบบนี้สโมสรที่หนักข้อกว่าอย่างแมนฯ ซิตี้กับเชลซี ซึ่งกลับมาถูกสอบสวนอีกครั้งจะโดนลงโทษหนักกว่าหรือไม่?
เรื่องนี้ The Times สื่อคุณภาพของอังกฤษทำการวิเคราะห์ว่า ‘มีความเป็นไปได้’ ที่จะเป็นข่าวร้ายสำหรับทั้งแมนฯ ซิตี้ และเชลซี
สำหรับแมนฯ ซิตี้ที่ถูกดำเนินคดีมากถึง 115 ข้อหานั้น ที่ยังไม่มีการตัดสินจนถึงตอนนี้เป็นเพราะจำนวนเรื่องที่ต้องตรวจสอบพิจารณามีมากกว่าเยอะมาก แม้ว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบและเร่งรัดกระบวนการแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ หากเอาเกณฑ์จากที่เอฟเวอร์ตันโดนตัดแต้มถึง 10 แต้มจากการทำผิดในกฎ P&S แล้ว
The Times เชื่อว่ามีโอกาสที่แมนฯ ซิตี้ จะโดนลงโทษสูงสุดถึงขั้นตัด 30 แต้ม ซึ่งเป็นการลงโทษตัดแต้มที่รุนแรงที่สุดในอังกฤษเทียบเท่ากับที่ลูตัน ทาวน์ เคยถูกฟุตบอลลีกลงโทษเมื่อฤดูกาล 2008/09 จากการซื้อขายผู้เล่นแบบผิดกฎและสโมสรประสบปัญหาทางการเงินรุนแรงจนถึงต้องถูกควบคุมกิจการ
หรืออาจจะได้เห็นบทลงโทษที่รุนแรงกว่านั้นคือการปรับตกชั้นไปเลย
ขณะที่รายของเชลซีที่เพิ่งกลับมาเป็นประเด็นว่ามีการทำผิดเกี่ยวกับกฎทางการเงินอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องตั้งแต่ช่วงที่ โรมัน อบราโมวิช ยังเป็นเจ้าของสโมสร ก็มีโอกาสที่จะต้องเผชิญกับบทลงโทษที่รุนแรงไม่น้อยไปกว่ากัน
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่โลกฟุตบอลต้องจับตาดูว่าพรีเมียร์ลีกจะกล้าเด็ดขาดกับ 2 สโมสรใหญ่ที่มีอำนาจสูงนี้เหมือนที่พวกเขาเด็ดขาดกับเอฟเวอร์ตันหรือไม่ เพราะมีการมองกันว่ากรณีนี้เป็นแค่การ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ สำหรับสโมสรอื่นๆ ว่าต่อจากนี้พรีเมียร์ลีกจะเข้มงวดกับเรื่องนี้มากขึ้น
ไม่นับเรื่องของการที่จะมีการแต่งตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาเพื่อช่วยกำกับดูแลเกมฟุตบอลให้กลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ง่าย
อย่าลืมว่ากระบี่อาญาสิทธิ์จะศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อใช้อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมเท่านั้น
อ้างอิง:
- https://www.thetimes.co.uk/article/relegation-now-looks-very-real-prospect-for-man-city-and-chelsea-k5zkdzlmf
- https://www.thetimes.co.uk/article/everton-deducted-ten-points-by-the-premier-league-2q6hf3p6v
- https://www.bbc.com/sport/football/67456386
- https://www.bbc.com/sport/football/67448714
- https://www.bbc.com/sport/football/67455906