ปลด แฟรงก์ แลมพาร์ด แล้ว แต่ มาร์เซโล บิเอลซา ยังลังเลที่จะรับตำแหน่งต่อในกูดิสันพาร์ก อยากได้ อาร์เนาต์ ดันยูมา เข้ามาเสริมกำลังในแนวรุก แต่ขนาดตรวจร่างกายแล้วยังถูกท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ปาดหน้า ไหนจะ แอนโธนี กอร์ดอน สตาร์ดาวรุ่งที่เป็นความหวังของทีม ก่อหวอดไม่มาฝึกซ้อม
ไม่มีข่าวดีให้ชาวเอฟเวอร์โตเนียนชื่นใจเลยแม้แต่น้อย จนชวนให้คิดว่า หรือนี่จะเป็นปีชงของพวกเขากันนะ?
อย่างไรก็ดี ความจริงแล้ว ‘หายนะ’ ที่เกิดขึ้นกับเอฟเวอร์ตันในเวลานี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น หากแต่มีสัญญาณอันตรายเตือนภัยมาโดยตลอด โดยเฉพาะภายใต้การบริหารของ ฟาฮัด โมชิริ เจ้าของสโมสรที่เข้ามาเทกโอเวอร์ด้วยความตั้งใจจะพลิกฟื้นโชคชะตาของอดีตมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษในยุค 80 และลงทุนไปอย่างมากมายมหาศาล แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
เกิดอะไรขึ้นกับทีมทอฟฟี่บลู? และพวกเขาจะเอาตัวรอดจากวิกฤตระดับปีชงร้อยเปอร์เซ็นต์ได้อย่างไร?
ปัญหาอยู่ที่ผู้จัดการทีม?
ค่าเฉลี่ยผลงานการคว้าชัยชนะได้เพียง 23.68 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวน 9 นัด จาก 38 นัด ที่นำทีมลงสนามของ แฟรงก์ แลมพาร์ด เป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยากว่าผลงานของเขาไม่เป็นที่น่าประทับใจมากเท่าไรนัก โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงผลงานในฤดูกาลนี้ที่เอฟเวอร์ตันจมอยู่ในอันดับที่ 19 มีแค่ 15 แต้มเท่านั้น และต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นอย่างเต็มตัว
เรื่องนี้ทำให้เข้าใจได้ถึงเหตุผลที่เจ้าของสโมสรอย่างโมชิริจำเป็นต้องปลดอดีตตำนานนักเตะทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นคนที่มีส่วนสำคัญในการช่วยพาทีมอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ออกจากตำแหน่งไปก่อน
อย่างไรก็ดี แลมพาร์ดเองไม่ใช่คนแรกที่เผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะก่อนหน้าเขามีผู้จัดการทีมมีระดับถึง 5 คนที่ไปไม่รอดเหมือนกันที่กูดิสันพาร์ก
โรแบร์โต มาร์ติเนซ, โรนัลด์ คูมัน, แซม อัลลาไดซ์, มาร์โก ซิลวา และ ราฟาเอล เบนิเตซ ไม่สามารถพาเอฟเวอร์ตันประสบความสำเร็จได้ มีเพียงคนเดียวที่นำช่วงเวลาดีๆ กลับคืนมาได้คือ คาร์โล อันเชล็อตติ
แต่คาร์เล็ตโตก็ช็อตฟีลเอฟเวอร์โตเนียนทุกคนด้วยการทิ้งทีมไปดื้อๆ เพื่อกลับไปรับงานกับเรอัล มาดริด ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าระหว่างทีมระดับสูงสุดของโลกฟุตบอลกับสโมสรที่เคยยิ่งใหญ่เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว มันก็เลือกได้ไม่ยาก
ตรงนี้เองจึงต้องกลับมาคิดว่านอกจาก ‘ฝีมือ’ ของผู้จัดการทีมแล้ว อะไรอีกที่เป็นปัญหาสำหรับเอฟเวอร์ตัน?
ปัญหาอยู่ที่การบริหาร?
ฟาฮัด โมชิริ ไม่ใช่เจ้าของสโมสรที่ไม่ลงทุนกับทีมเหมือน ไมค์ แอชลีย์ อดีตเจ้าของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่แฟนบอลเกลียดมากที่สุด
ในทางตรงกันข้าม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาลงทุนไปแล้วกว่า 700 ล้านปอนด์กับผู้เล่นมากกว่า 50 คน แต่ในจำนวนนี้มีน้อยเหลือเกินที่สามารถบอกได้ว่าเป็นการลงทุนที่ดีเยี่ยม
เรื่องนี้อาจสะท้อนกลับให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงของเอฟเวอร์ตันว่า อาจเกิดจากเรื่องของกระบวนการสรรหาผู้เล่นเข้ามาเสริมทีมที่ผิดพลาดมาโดยตลอด โดยเฉพาะในการทำงานของ เควิน เธลเวลล์ ผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอลคนปัจจุบัน
เอฟเวอร์ตันยอมปล่อย ริชาร์ลิสัน กองหน้าที่เป็นฮีโร่ของทีมออกไปให้กับสเปอร์ส โดยไม่สามารถหาตัวตายตัวแทนที่ดีพอจะทดแทนกันได้ โดยคาดหวังกับ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน กองหน้าสายเลือดของสโมสร ว่าจะรักษาสภาพความฟิตเอาไว้ได้
สุดท้ายต้องไปหานักเตะในระดับ B-list เข้ามาใช้งานไปก่อนอย่าง นีล โมเปย์ กองหน้าตกกระป๋องจากไบรท์ตันที่ได้มาด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ และตอบแทนสโมสรได้ด้วยผลงานแค่ประตูเดียว
ดไวท์ แมคนีล ถูกดึงตัวมาจากเบิร์นลีย์ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ แต่ไม่สามารถสร้างสรรค์ทีมได้อย่างที่หวัง ขณะที่ อมาดู โอนานา กองกลางดาวรุ่งวัย 21 ปีจากลีลล์ กลับซื้อมาด้วยค่าตัวถึง 33 ล้านปอนด์ทั้งที่ยังเด็กและต้องการการขัดเกลาอย่างดีอีกมาก แล้วก็ไปดึง อิดริสซา กานา เกย์ อดีตกองกลางฮาร์ดแมนขวัญใจแฟนๆ ที่ไม่เหลือสภาพเดิมแล้ว
นี่คือตัวอย่างของการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ซึ่งเป็นความผิดของทั้งผู้อำนวยการสโมสรและแน่นอนรวมถึง ฟาฮัด โมชิริ เองกับเหล่าบอร์ดบริหารของเขา ซึ่งนำโดย บิลล์ เคนไรท์ อดีตประธานสโมสรด้วย ที่ไม่มีวิสัยทัศน์ที่ดีและชัดเจนพอที่จะนำสโมสรให้ก้าวไปข้างหน้าได้ ทั้งๆ ที่มองเห็นตัวอย่างดีๆ ได้จากทีมอย่างไบรท์ตันหรือเบรนท์ฟอร์ด ว่าสโมสรที่มีการบริหารจัดการที่ดีนั้นสามารถยืนหยัดในพรีเมียร์ลีกได้อย่างน่าประทับใจ
ขายสโมสรเลยดีไหม?
สถานการณ์เลวร้ายทั้งหมดกำลังนำไปสู่คำถามสำคัญว่า มันถึงเวลาที่โมชิริควรจะขายสโมสรออกไปได้หรือยัง ซึ่งเหล่าแฟนเอฟเวอร์โตเนียนเองก็เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัวเจ้าของสโมสรดังกระหึ่มในเวลานี้
The Guardian รายงานข่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า โมชิริหวังจะขายสโมสรออกไปในราคา 500 ล้านปอนด์ หลังจากที่ลงทุนไปกับสโมสรกว่า 700 ล้านปอนด์ รวมถึงเริ่มโปรเจกต์ในการสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ที่บรามลีย์-มัวร์ดอคที่กำลังก่อสร้างในเวลานี้ที่จะใช้งบประมาณราว 500 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ดี The Times รายงานในเวลาต่อมาว่า โมชิริยังไม่มีแผนการที่จะขายสโมสรออกไปในเวลานี้แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกำลังพยายามท่ีจะหานักลงทุนที่จะเข้ามาช่วยการเงินของสโมสร
โมชิริย้ำด้วยว่า ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีส่วนในเรื่องของการซื้อนักเตะเลยแม้แต่รายเดียว เพียงแต่ยอมรับว่าเขาบางทีก็ ‘ไม่อดทน’ มากนัก จนมีการปลดผู้จัดการทีมบางรายออกไปเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
เมื่อเป็นเช่นนั้น หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเจ้าของสโมสรอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ (ซึ่งแม้แต่ทีมใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล ก็ยังใช้เวลาในการเฟ้นหาผู้ลงทุนใหม่) สิ่งที่เอฟเวอร์ตันจะทำได้คือ การพยายามแก้ปัญหาทุกอย่างจากภายใน
นโยบายในการบริหารสโมสร แนวทางที่ชัดเจน การเฟ้นหาบุคคลที่มีวิสัยทัศน์ และสามารถนำสโมสรไปสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้นได้ เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ เร็วเท่าไรยิ่งดี
แต่เรื่องนั้นไม่ง่ายนัก ในระยะสั้นระหว่างนี้ไปจนจบฤดูกาล พวกเขาต้องการผู้จัดการทีมฝีมือดีสักคนที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงบรรยากาศที่เป็นพิษภายในทีมให้กลับมาหายใจสะอาดสดชื่นได้อีกครั้งก่อน และค่อยๆ แก้ปัญหาภายในทีมที่หมักหมมสะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน
เอริก เทน ฮาก ทำให้เห็นมาแล้วในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความพยายามอย่างสูงมาก
เอฟเวอร์ตันจะหาคนแบบนี้ได้ไหม? หากบิเอลซาที่เคยเปลี่ยนแปลงลีดส์ ยูไนเต็ด ยอมรับข้อเสนอก็เป็นเรื่องดี แต่หากอาจารย์ปู่ไม่อยากรับข้อเสนอก็ต้องหากันต่อไป
ไม่ง่ายเลยจริงๆ ปีชงรอบนี้ของเอฟเวอร์ตัน
อ้างอิง