Chinese Estates Holdings ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของ China Evergrande Group ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่กำลังเผชิญวิกฤตหนี้สินและสภาพคล่อง เปิดเผยว่า บริษัทได้ขายหุ้น Evergrande ไปแล้วเป็นมูลค่าราว 32 ล้านดอลลาร์ และมีแผนจะขายหุ้นที่เหลือออกทั้งหมด
เอกสารที่ Chinese Estates ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ระบุว่า ผู้บริหารของบริษัทระมัดระวังและกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องของ China Evergrande Group จากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณชน
ปัจจุบัน Evergrande มีหนี้สินสูงถึง 3.05 แสนล้านดอลลาร์ และกำลังมีปัญหาในการชำระหนี้ดังกล่าวคืนให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ
ราคาหุ้นของ Chinese Estates วันนี้ (23 กันยายน) ปรับเพิ่มขึ้น 15.1% เป็น 2.51 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้นในช่วงเปิดตลาด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดต่อวันนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020
ขณะที่หุ้นของ Evergrande ในวันนี้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 32% หลังบริษัทออกมาเปิดเผยว่าได้บรรลุข้อตกลงเรื่องการชำระหนี้หุ้นกู้ในประเทศแล้ว โดย Hui Ka Yan ประธานบริษัท Evergrande ยังออกมายืนยันด้วยว่าจะให้ความสำคัญกับการชำระหนี้ของนักลงทุนรายย่อยเป็นอันดับแรก ทำให้ตลาดเริ่มคลายความกังวลลง
ข้อมูลจาก Refinitiv Eikon ระบุว่า Chinese Estates ซึ่งก่อนหน้านี้ถือหุ้นราว 6.50% ใน Evergrande ได้สั่งให้ขายหุ้น Evergrande ทั้งหมดหรือบางส่วนที่เหลืออีก 5.66% ในตลาด หรือผ่านการซื้อขายแบบ Block Trades
ในช่วงที่ผ่านมา Chinese Estates ได้ขายหุ้นของ Evergrande ออกไปแล้วจำนวน 108.91 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 246.5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 32 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าถ้าหุ้นที่เหลืออยู่ทั้งหมดถูกขายออกไป บริษัทจะขาดทุนประมาณ 9,486.3 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 1.22 พันล้านดอลลาร์
โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น Evergrande จะถูกนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป และเพื่อนำกลับมาลงทุนใหม่เมื่อมีโอกาสที่น่าสนใจ
อ้างอิง: