23 กันยายนนี้ หุ้นกู้จำนวนหนึ่งของ Evergrande ซึ่งเป็นยักษ์อสังหาริมทรัพย์ของจีน จะครบกำหนดชำระดอกเบี้ย ซึ่งทั่วโลกกำลังจับตามองว่า Evergrande จะหาเงินมาชำระดอกเบี้ยได้หรือไม่ และด้วยวิธีการใด
ทั้งนี้ Morningstar ได้สำรวจกองทุนที่ซื้อหุ้นกู้ Evergrande และพบว่า BlackRock, HSBC และ UBS ได้มีการสะสมหุ้นกู้ Evergrande มาในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ข่าวใหญ่ในการลงทุนคงหนีไม่พ้นชื่อ China Evergrande Group (03333) ซึ่งมีข่าวว่าอาจผิดนัดชำระหนี้ก้อนใหญ่มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังไม่มีข่าวว่าทางรัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไร ในขณะที่นักลงทุนกำลังกังวลทั้งประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ รวมไปถึงผลกระทบที่อาจเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมไปถึงสถาบันการเงินอย่างธนาคาร
แน่นอนว่าในตลาดตราสารหนี้นั้นจะเห็นมูลค่าหุ้นกู้ China Evergrande Group ลดลง ซึ่ง Patrick Ge นักวิเคราะห์กองทุนของ Morningstar มองว่าผู้จัดการกองทุนอาจมีมุมมองที่มีความแตกต่างกันในการเข้าซื้อตราสารหนี้ของบริษัท
“เราพบว่าบางกองทุนมีการเพิ่มการถือตราสารจาก China Evergrande ในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2021 จาก Spread ที่กว้างขึ้นรวมทั้งมูลค่าที่น่าสนใจ ซึ่งตรงกับข้อมูลจากผู้จัดการกองทุนบางแห่งที่มองว่าระดับราคาปัจจุบันเป็นจุดเข้าซื้อ”
โดย Morningstar เปิดเผยรายชื่อกองทุนขนาดใหญ่ที่ได้เข้าซื้อหุ้นกู้จำนวนมากของ Evergrande ได้แก่
- Fidelity Asian High-Yield Fund
- UBS (Lux) BS Asian High Yield (USD)
- HSBC Global Investment Funds – Asia High Yield Bond X
- Pimco GIS Asia High Yield Bond Fund
- BlackRock BGF Asian High Yield Bond Fund
- Allianz Dynamic Asian High Yield Bond
ข้อมูลจาก Morningstar Direct พบว่า กองทุนจาก UBS, HSBC และ BlackRock ได้มีการสะสมหุ้นกู้ Evergrande แม้ว่าจำนวนหน่วยจะเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนโดยรวมนั้นลดลง
กองทุนจาก BlackRock มีการเพิ่มตราสารของ Evergrande ทั้งสิ้น 31.3 ล้านหน่วยในช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2021 อย่างไรก็ตาม ผลต่อพอร์ตโดยรวมนั้นลดลงเนื่องจากมูลค่าหุ้นกู้ที่ลดลง โดยการลงทุนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 1%
ในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม กองทุนจาก HSBC เพิ่มการลงทุนหุ้นกู้จาก Evergrande อีก 40% แต่สุทธิแล้วมีสัดส่วนที่ลดลงเหลือ 1.22% ด้านกองทุนจาก UBS พบข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมว่ากองทุน Asian High Yield มีการลดการถือหุ้นกู้ Evergrande ลง 0.09% แต่จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 25% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี
อย่างไรก็ตาม Fidelity, PIMCO และ Allianz มีมุมมองที่ต่างไป โดยมีการขายหุ้นกู้ Evergrande ในช่วง 7 เดือนแรกของปี หรือลดลง 3-47% จากเดิม
Patrick กล่าวอีกว่า ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนไปได้อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนยังไม่ควรคาดหวังว่ารัฐบาลจะมีแผนอุ้มบริษัทอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ Huarong Asset Management เนื่องจากทั้ง 2 กรณีมีความแตกต่างกัน
โดยกรณีของ Evergrande นั้นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และมีการทำธุรกิจอื่น เช่น รถยนต์ไฟฟ้าเพียงส่วนน้อย หุ้นกู้ของบริษัทถือเป็นแบบ High Yield
ในขณะที่กรณี Huarong นั้นเป็นสถาบันการเงินและออกหุ้นกู้ระดับ Investment Grade จากความแตกต่างที่ชัดเจนนี้ ท่าทีของรัฐบาลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ก็อาจต่างกันได้
นอกจากนี้หากมองในมุมของรัฐบาลจีน NPL ของ Huarong นั้นถือเป็น Systematic Risks ที่จะเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงินของประเทศจีน ทั้งนี้จากการสอบถามไปยังผู้จัดการกองทุนนั้น เป็นไปได้ว่ารัฐบาลจีนอาจไม่เข้าอุ้มกิจการกรณีของ Evergrande