เป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อ Evergrande บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากที่เพิ่งจะผิดนัดชำระหนี้รอบแรกไปเมื่อวันที่ 23 กันยายน โดยสถานีโทรทัศน์ Channel News Asia รายงานว่า ทาง Evergrande มีกำหนดต้องชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยของหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมีนาคม 2024 โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ 9.5%
รายงานอ้างแหล่งข่าวนิรนามวงใน 2 รายที่กล่าวว่า จนถึงขณะนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีผู้ถือหุ้นกู้จำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับการชำระหนี้จากบริษัท หลังผ่านพ้นช่วงเวลาทำการของกำหนดเส้นตายในวันพุธที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทาง Evergrande ยังมีระยะเวลาผ่อนผันอีก 30 วัน เพื่อหาทางระดมทุน ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้
ฟากผู้บริหารของ Evergrande ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ และเก็บตัวเงียบ ไม่มีการออกแถลงการณ์ใดๆ แม้แต่ต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ตลอดจนไม่ได้มีการยื่นหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
ขณะเดียวกันทางสถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษ เปิดเผยว่า ทาง Evergrande สามารถขายหุ้นรวมมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ทางบริษัทถือครองอยู่ในธนาคารเสิ้นจิงให้กับทางบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ
รายงานระบุว่า ธนาคารเสิ้งจิงในฐานะหนึ่งในเจ้าหนี้รายใหญ่ของ Evergrande ได้ทำข้อตกลงกับทางบริษัทที่จะต้องนำเงินสุทธิทั้งหมดที่ได้รับจากการขายหุ้นมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการชำระหนี้ที่บริษัทติดค้างการจ่ายกับทางธนาคารเท่านั้น ดังนั้น Evergrande จึงไม่สามารถนำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้หุ้นของเจ้าหนี้รายอื่นๆ ได้ โดยข้อมูลสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2020 ธนาคารเสิ้งจิงมีการปล่อยกู้ให้กับ Evergrande รวมแล้วมากถึง 7,000 ล้านหยวน
หลายฝ่ายต่างเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดด้วยความวิตกกังวล แม้ว่าทางการจีน รวมถึงธนาคารกลางจีน (PBOC) จะออกมาให้คำมั่นหนักแน่นว่า จีนจะช่วยเหลือและปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคชาวจีนที่ควักเงินซื้อบ้านในโครงการของ Evergrande ก็ตาม โดย Evergrande ยังมีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ทุกเดือนในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือในเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม
ขณะเดียวกันการประกาศขายหุ้นล็อตใหญ่ของ Evergrande ยังมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนกระตุ้นผลักดันให้หน่วยงานรัฐวิสหากิจของจีนระดมกำลังเข้าซื้อสินทรัพย์ของ Evergrande เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ตามที่กำหนด
นอกจากความวิตกในเรื่องผลกระทบจากกรณี Evergrande ที่อาจจุดชนวนให้เกิดวิกฤตการเงินในประเทศแล้ว ทางการจีนยังต้องเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนพลังงานที่กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงตัวใหม่คุกคามการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนอยู่ในเวลานี้ โดยล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าสำหรับโรงงานทั้งหลาย หวังบรรเทาปัญหาซัพพลายตึงตัว
ทั้งนี้แหล่งข่าววงในที่รู้รายละเอียดของแผนการเปิดเผยว่า อัตราค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะมาในรูปแบบของค่าธรรมเนียมคงที่ หรือในอัตราที่เชื่อมโยงกับราคาของถ่านหินเป็นหลัก
ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนยังได้มีการหารือที่จะขึ้นค่าไฟสำหรับการใช้งานในครัวเรือน หากว่าการขึ้นค่าไฟในภาคอุตสาหกรรมยังไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนพลังงานที่เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า แนวทางดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อรออนุมัติอย่างเป็นทางการ จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
แนวโน้มการขึ้นค่าไฟฟ้ามีขึ้นในขณะที่จีนต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนพลังงานจนทำให้เกิดไฟดับในหลายพื้นที่ และบางแห่งกินเวลาร่วมหลายชั่วโมง ส่งผลให้หลายฝ่ายแสดงความวิตกว่าปัญหาดังกล่าวจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน ขณะที่ราคาถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้นในเวลานี้ทำให้โรงไฟฟ้าหลายแห่งลังเลที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองดีมานต์ของตลาด
อ้างอิง:
- https://www.channelnewsasia.com/business/evergrande-set-miss-second-offshore-bond-coupon-payment-month-sources-say-2209031
- https://www.bbc.com/news/business-58729791
- https://www.aljazeera.com/economy/2021/9/29/energy-crunch-china-mulls-hiking-power-prices-for-factories
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP