ราคาขายไฟฟ้าทั่วทั้งภูมิภาคยุโรปเริ่มลดต่ำลงกว่าศูนย์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของพลังงานลม และการเข้าสู่ช่วงพีคของการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
สถานการณ์ดังกล่าวกลายเป็นปัญหาสำหรับผู้กำหนดนโยบายและบริษัทต่างๆ เนื่องจากความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไม่ทันกับแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ก่อนหน้านี้มีความคาดหวังกันว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากยานยนต์ไฟฟ้า สมาร์ทกริด และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ จะเพิ่มขึ้นมาทันกับปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าจะยังไม่เป็นเช่นนั้น
ความเสี่ยงที่สำคัญคือ การลดลงของราคาไฟฟ้าอาจทำให้ความสนใจต่อการลงทุนในอนาคตลดลง และกลับมาเพิ่มต้นทุนให้กับผู้บริโภค อีกทั้งเป็นการสูญเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์
ข้อมูลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจาก EPEX SPOT SE ระบบซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนพลังงานในยุโรป ระบุว่า ค่าไฟฟ้าสำหรับบางช่วงเวลาของวันที่ 15 กรกฎาคม 2023 กลายเป็นติดลบสำหรับหลายประเทศในยุโรปนับ 10 แห่ง ซึ่งรวมทั้งสหราชอาณาจักร เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศสด้วย ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้นในวันถัดไป
การที่ค่าไฟฟ้ากลายเป็นติดลบไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น แต่ในฤดูร้อนปีนี้กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่าปกติ หลังจากที่แต่ละประเทศในยุโรปได้เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีก่อน เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น
การผลิตใหม่ที่เกิดขึ้นช่วยให้กลุ่มประเทศในยุโรปบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ก่อนกำหนด เมื่อการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทำได้มากกว่าการผลิตจากถ่านหินเป็นครั้งแรก โดยปี 2023 คาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีก 51.2 กิกะวัตต์
การเพิ่มการผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ในทุกๆ ปีจนถึงปี 2030 เมื่อเป็นเช่นนั้นหนทางเดียวที่จะช่วยแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าติดลบคือ ต้องทำให้การบริโภคไฟฟ้าเป็นไปอย่างชาญฉลาดมากขึ้น
“ค่าไฟฟ้าที่ติดลบเป็นตัวสะท้อนที่สำคัญต่อระบบไฟฟ้ายุคใหม่ที่ยืดหยุ่นและการเก็บสะสมพลังงานในอนาคต ตอนนี้ค่าไฟฟ้าที่ติดลบเป็นเพียงข้อผิดพลาดชั่วคราว”
ในทางทฤษฎี เมื่อการผลิตพลังงานทดแทนมีอย่างเพียงพอและมีราคาต่ำ ครัวเรือนและภาคธุรกิจจะมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยจำกัดต้นทุนสำหรับผู้ให้บริการ ทำให้ระบบยังคงสมดุลและมีการใช้พลังงานสะอาดมากเท่าที่จะเป็นไปได้
ปัจจุบันมีตัวอย่างให้เห็นอยู่บ้าง อย่างเช่น กรณีของ Octopus Energy ผู้ให้บริการไฟฟ้าแก่ครัวเรือนทั่วไปในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีฐานลูกค้าราว 1.5 แสนราย ได้ออกแบบข้อตกลงให้ผู้ใช้รถ EV สามารถชาร์จไฟได้ในช่วงที่ราคาต่ำที่สุดและเป็นพลังงานที่สะอาดที่สุด ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นช่วงเวลากลางคืน
อ้างอิง:
