ผู้นำ 3 ชาติยักษ์ใหญ่แห่งสหภาพยุโรป ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี เดินทางเยือนกรุงเคียฟของยูเครนในวันนี้ (16 มิถุนายน) เพื่อแสดงออกถึงจุดยืนสนับสนุนยูเครน
ทางการของแต่ละประเทศต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์เพื่อที่จะจัดทริปการเดินทางเยือนยูเครนของ 3 ผู้นำ ซึ่งได้แก่ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี, เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และ มาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ท่ามกลางเป้าหมายที่จะลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือยูเครนที่ล่าช้า
วานนี้ (15 มิถุนายน) มาครงกล่าวว่า “เราอยู่ในจุดที่พวกเราชาวยุโรปจะต้องส่งสัญญาณทางการเมืองที่ชัดเจนต่อยูเครน และประชาชนทุกคนที่ยืนหยัดต่อต้าน (กองกำลังรัสเซีย) อย่างกล้าหาญ”
อย่างไรก็ตาม โอเลกซี เอเรสโตวิช (Oleksiy Arestovych) ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีในสัปดาห์นี้ว่า เขากังวลว่าในที่สุดแล้วทั้ง 3 ผู้นำจะพยายามกดดันให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
“พวกเขาจะบอกว่า เราจำเป็นต้องยุติสงครามที่ส่งผลกระทบต่ออาหารและเศรษฐกิจ และเราควรจะต้องรักษาหน้าของประธานาธิบดีปูตินด้วย” ซึ่งเอเรสโตวิชตั้งใจกล่าวกระทบมาครง หลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ยูเครนไม่ควรทำให้รัสเซียรู้สึกเสียเกียรติ เพื่อที่จะได้ปูทางสู่การยุติสงครามผ่านการเจรจาทางการทูต
ก่อนหน้านี้ ยูเครนเคยโจมตีฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ที่พยายามถ่วงเวลาในการให้ความช่วยเหลือยูเครน โดยกล่าวว่าทั้ง 3 ชาติจัดส่งอาวุธมาช่วยเหลือช้ามาก และคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองมาก่อนเสรีภาพและความมั่นคงของยูเครน
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเซเลนสกีจะใช้โอกาสนี้กระตุ้นให้ทั้ง 3 ชาติส่งอาวุธมาช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม โดยทริปการเดินทางเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนที่คณะกรรมาธิการยุโรปจะมีกำหนดชี้แจงเกี่ยวกับสถานะที่ชัดเจนของยูเครน ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปในอีกไม่ช้า
แฟ้มภาพ: Kay Nietfeld / Picture Alliance via Getty Images
อ้างอิง: