เกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่ม A จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อคืนที่ผ่านมา โดย อิตาลีที่เอาชนะทัพ ‘มังกรแดง’ เวลส์ 1-0 สามารถเก็บ 9 คะแนนเต็มได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยูโร 2000 พร้อมกอดคอเวลส์เข้ารอบไปในฐานะแชมป์และรองแชมป์กลุ่ม A ส่วนทางด้านสวิตเซอร์แลนด์ก็ทำงานของพวกเขาได้สำเร็จลุล่วง ด้วยการทุบตุรกี 3-1 ลุ้นเข้ารอบต่อไปในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 1 ใน 4 ทีม
อิตาลีที่เข้ารอบด้วยความสมบูรณ์แบบ
3 นัด – 9 คะแนนเต็ม – ยิงได้ 7 ประตู – เสีย 0 ประตู ตัวเลขเหล่านั้นคงจะบอกได้ว่า อิตาลีเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ซึ่งนอกจากตัวเลขตรงนั้นแล้ว อิตาลียังแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมอันต่อเนื่องยาวนานจากการไม่แพ้ใครมา 30 นัด ทำสถิติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมเทียบเท่ากับที่บรมกุนซือ วิตโตริโอ โปซโซ ทำไว้ระหว่างปี 1935-1939 และพวกเขายังไม่เสียประตูให้ใครติดต่อกันมาถึง 11 เกมติดแล้ว
ความน่ากลัวของอิตาลีชุดนี้ไม่ได้อยู่ที่เพียงแค่ขุมกำลังนักเตะ หากแต่อยู่ที่ระบบการเล่นและความเป็นหนึ่งเดี่ยวกัน โดยขุมกำลังของพวกเขาก็ไม่ได้โดดเด่น ทั้งยังมีหลายคนมาจากทีมขนาดกลางอย่าง อตาลันตากับซาสซูโอโล แต่กลับเล่นได้อย่างไหลลื่นและแข็งแกร่ง และหลักฐานยืนยันว่าระบบการเล่นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งก็อยู่ในเกมล่าสุดกับเวลส์ ที่กุนซือ โรแบร์โต มันชินี พักตัวหลักถึง 8 ตำแหน่งแต่ทีมก็ยังเก็บชัยชนะได้อยู่ดี แม้จะชนะด้วยสกอร์ไม่เท่ากับเกมก่อนๆ แต่รูปเกมที่ออกมาไม่ได้ต่างกัน พวกเขาครองเกมมากกว่าที่ 64% ทั้งยังมีโอกาสทำประตูทะลุ 20 ครั้งในเกมนี้
ชัยชนะ 3 นัดในกรุงโรม ส่งให้อิตาลีผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม A ซึ่งจะต้องไปพบกับรองแชมป์กลุ่ม C ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สนามเวมบลีย์ โดยทีมที่มีโอกาสจะเป็นรองแชมป์กลุ่ม C นั้นตอนนี้ก็เหลือเพียง 2 ตัวเลือกอย่าง ยูเครนหรือออสเตรีย ซึ่งขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันในเกมสุดท้ายที่ทั้งคู่จะต้องเจอกันเองด้วย แต่ไม่ว่าจะเข้ารอบไปเจอใคร อิตาลีก็ไม่น่าจะหวั่นใจสักเท่าไร
ความน่าสนใจของการที่อิตาลีเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม A นั้น อยู่ที่การต้องไปอยู่ในสายบน และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดลูกทีมของมันชินีมีโอกาสเจอกับของแข็งตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างเบลเยียม ถ้าหาก ‘ปีศาจแดงแห่งยุโรป’ เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม B และในรอบรองชนะเลิศก็ต้องเจอแชมป์กลุ่ม F ที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส, โปรตุเกส หรือ เยอรมนี ซึ่งอาจจะดูเป็นงานหนัก แต่ก็เป็นบททดสอบที่ถ้าพวกเขาผ่านไปได้ ก็คู่ควรกับความสำเร็จอย่างแท้จริง
การแพ้ศึกแต่ไม่แพ้สงครามของเวลส์
เวลส์แทบจะหมดโอกาสที่จะเก็บ 3 คะแนนเต็มในเกมพบกับอิตาลี หลังจากที่ทีมตามหลังและ อีธาน อัมปาดู ไปโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม โอกาสทองที่ดีที่สุดในเกมของ แกเร็ธ เบล ที่ได้วอลเลย์จ่อๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ ทำให้ โรเบิร์ต เพจ ตัดสินใจปรับกลยุทธ์ช่วงท้ายเกมเพื่อไม่ให้ทีมแพ้ไปด้วยสกอร์ที่มากกว่านี้ และเมื่อประกอบกับการที่อิตาลีก็ผ่อนเกมโดยให้ตัวสำรองได้ลงมาสัมผัสกับประสบการณ์ของฟุตบอลยูโร ความเสียหายในเกมนี้จึงเป็นเพียงสกอร์ติดลบ 1 ซึ่งน้อยกว่าที่สวิตเซอร์แลนด์กับตุรกีต้องพบเจอโดยถูกอิตาลียิงถึง 3 ประตู และนั่นเองเป็นกุญแจที่ทำให้เวลส์เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มนี้
ถึงแม้จะแพ้ต่ออิตาลี แต่การที่พวกเขาสามารถจบรอบแบ่งกลุ่มด้วยอันดับ 2 ถือว่าเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม เวลส์ถูกมองว่าจะรั้งอันดับที่ 3 ของกลุ่มนี้เท่านั้น และการเข้ารอบมาเป็นที่ 2 ของกลุ่มย่อมดีกว่าการเข้าเป็นอันดับ 3 ที่ต้องไปลุ้นการเป็น 1 ใน 4 ทีมที่ดีที่สุด ตรงที่พวกเขาจะได้รู้ทันทีว่ารอบต่อไปจะต้องไปแข่งขันกันที่ไหน ทำให้สามารถวางโปรแกรมการฝึกซ้อม และเตรียมความพร้อมในการเดินทางได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ การเข้ารอบด้วยฐานะรองแชมป์กลุ่ม A ย่อมดีกว่าที่ 3 ของกลุ่มในแง่ของคู่แข่งที่จะเจอในรอบต่อไปด้วย เพราะทีมอันดับ 2 กลุ่ม A จะได้เจอกับที่ 2 กลุ่ม B ที่ตอนนี้ยังออกได้ทุกทุกหน้าไม่ว่าจะเป็น เบลเยียม, รัสเซีย, ฟินแลนด์ หรือเดนมาร์ก ซึ่งถ้าเวลส์ ไม่โชคร้ายเกินก็คงไม่เจอตัวเต็งอย่าง ‘ปีศาจแดงแห่งยุโรป’ ถึงแม้จะยังมีความเป็นไปได้เล็กน้อยก็ตาม
ดังนั้น การได้รู้สนามที่จะลงแข่งก่อน และได้เจอกับคู่แข่งที่ไม่น่าจะหนักเกินไปในเกมแรกรอบน็อกเอาต์ก็น่าจะทำเวลส์พอใจมากกว่าอย่างแน่นอน
ความน่าจะได้ไปต่อของสวิตเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์ทำเต็มที่แล้วในเกมที่เอาชนะตุรกี แน่นอนว่าก่อนเกมพวกเขาหวังถึงการจบอันดับที่ 2 เพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมตัวมากกว่า และไม่ต้องมารอลุ้นว่าจะได้เจอกับใคร แต่จากการที่อิตาลีเลือกจะพักตัวผู้เล่นทำให้ไม่สามารถชนะเวลส์ได้อย่างขาดลอย และทางเวลส์เองก็สู้ได้ดี หลังจากเลือกจะแพ็กเกมรับเมื่อตัวผู้เล่นเหลือ 10 คน ทำให้ทีมจากแดนนาฬิกาต้องรับบทที่ 3 ของกลุ่มไปอย่างไม่มีทางเลือก
อ้างอิงจากในปี 2016 ทีมอันดับที่ 3 ที่มี 4 คะแนน ได้ผ่านเข้ารอบทุกทีม ดังนั้น 4 คะแนนที่พวกเขามีน่าจะเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาได้เป็น 1 ใน 4 ของทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ถึงแม้จะยังไม่ชัวร์แบบ 100% ก็ตาม แต่สิ่งที่น่าปวดหัวสำหรับทีมของ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช คือการไขว้สาย พวกเขามีโอกาสจะเจอกับแชมป์กลุ่ม B หรือ แชมป์กลุ่ม F เท่านั้น ซึ่งค่อนข้างจะเป็นงานที่หนักทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าฟุตบอลแล้วย่อมมีเหตุการพลิกล็อกหรือไม่คาดฝันเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ เหมือนกับเกมระหว่างฮังการีกับฝรั่งเศส หรือสโลวะเกียกับโปแลนด์ในรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา และเราคงไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จนกว่าการแข่งขันจะจบลงไปแล้วเท่านั้น แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น สวิตเซอร์แลนด์ก็ทำได้แค่ลุ้นว่าจะต้องเจอกับใคร เพราะหน้าที่ของพวกเขาในรอบแบ่งกลุ่มได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/match/2024468–italy-vs-wales/
- https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/match/2024467–switzerland-vs-turkey/
- https://www.bbc.com/sport/football/51198408
- https://www.bbc.com/sport/football/57548582
- https://www.bbc.com/sport/football/57546366
- https://www.bbc.com/sport/football/51197631