รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย เพื่อลงโทษจากกรณีที่มีคนพยายามวางยาพิษสังหาร อเล็กเซย์ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้าน ด้วยสารเคมีทำลายประสาทเมื่อปีที่ผ่านมา
ท่าทีดังกล่าวถือเป็นการท้าทายรัสเซียโดยตรงจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรนี้ครอบคลุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย 7 คน ในจำนวนนี้รวมถึง อเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ผู้อำนวยการหน่วยความมั่นคงกลาง หรือ FSB ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของรัสเซียที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการวางยาพิษ ตลอดจนหัวหน้าคณะกรรมการนโยบายในประเทศของรัสเซีย และอเล็กเซย์ คริโวรุชโค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย รวมถึงนิติบุคคลอีก 14 บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสารเคมีและเทคโนโลยีชีวภาพ
“หน่วยงานข่าวกรองประเมินด้วยความมั่นใจอย่างสูงว่า เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงกลางของรัสเซียใช้สารเคมีทำลายประสาทในการวางยาพิษอเล็กเซย์ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้าน” เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุในระหว่างการแถลงข่าว
นาวัลนีถูกวางยาพิษระหว่างที่เขาเดินทางโดยเครื่องบินในไซบีเรียเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา จนต้องถูกส่งตัวไปรักษาเร่งด่วนที่เยอรมนี ซึ่งรัฐบาลรัสเซียยืนกรานปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษ
ขณะที่นาวัลนีเดินทางกลับรัสเซียเมื่อเดือนมกราคม ก่อนจะถูกจับกุมและถูกจำคุกจากความผิดฐานละเมิดทัณฑ์บนในคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียมั่นใจว่าเป็นการดำเนินการโดยมีจุดมุ่งหมายทางการเมือง
ทั้งนี้ โฆษกทำเนียบขาวเรียกร้องให้รัฐบาลรัสเซียปล่อยตัวนาวัลนี แต่ยืนยันว่าวอชิงตันจะยังไม่ตัดสินใจคว่ำบาตรวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการรักษาความสัมพันธ์ของสองประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้
ผลจากมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว จะทำให้ทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัสเซียทั้ง 7 คนที่อยู่ใต้อำนาจศาลสหรัฐฯ ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อายัดไว้ อีกทั้งยังห้ามประชากรอเมริกันติดต่อทำธุรกรรมใดๆ กับคนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ชาวต่างชาติคนใดที่ตั้งใจอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมแก่เจ้าหน้าที่รัสเซียดังกล่าว ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกคว่ำบาตรด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่รัสเซียทั้ง 7 คน มีทรัพย์สินใดๆ ในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ยากจะตัดสินว่ามาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้เป็นเพียงการดำเนินการในเชิงสัญลักษณ์หรือไม่
สำหรับการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐฯ ครั้งนี้ ยังเป็นความร่วมมือกับสหภาพยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีจากชาติสมาชิก EU เห็นพ้องให้ดำเนินการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย 4 คนที่ใกล้ชิดกับปูติน แต่มาตรการดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการดำเนินการในเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากไม่มีการคว่ำบาตรกลุ่มนักธุรกิจที่ใกล้ชิดกับปูติน ซึ่งยังคงเดินทางเข้าออกประเทศใน EU ได้
ภาพ: Sefa Karacan / Anadolu Agency via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: