ในยุคที่ ‘การพัฒนาอย่างยั่งยืน’ กลายเป็นหัวใจของหลายธุรกิจ การลงทุนใน ESG Bond หรือตราสารหนี้ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการที่ดี (Environmental, Social and Governance) ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ด้วยศักยภาพและโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงควบคู่ไปกับการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน ESG Bond จึงเป็นทางเลือกที่ไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าทางการเงิน แต่ยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย
ESG Bond จึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ออกโดยองค์กรหรือบริษัทที่มุ่งมั่นในการระดมทุน เพื่อนำไปใช้สนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีผลเชิงบวกต่อสังคม หรือมีธรรมาภิบาลที่ดี เช่น การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือการปรับปรุงมาตรฐานการทำงานและสวัสดิการของพนักงาน เป็นต้น
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เผยแพร่รายงานที่วิเคราะห์การลงทุนใน ESG อยู่หลายฉบับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงทุนในบริษัทที่มีการคำนึงถึง ESG ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสของการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาวเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่นในงานวิจัยโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อปี 2566 พบว่าบริษัทที่มีคะแนน ESG สูงกว่ามักจะมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดี และมีประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทที่มีคะแนนต่ำกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทที่มีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีสามารถลดความเสี่ยงและความเสียหายจากการเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมหรือการฟ้องร้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมีการประเมินว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ESG Bond ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตระดับประมาณร้อยละ 20-30 ต่อปี สำหรับในประเทศไทยที่มีการออก ESG Bond เป็นครั้งแรกในปี 2562 จนกระทั่งถึงปี 2566 มูลค่าการออก ESG Bond เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 23,000 ล้านบาท เป็น 179,866 ล้านบาท หรือเติบโต 8 เท่าในช่วงเวลาเพียง 5 ปี (อ้างอิง: บทความ ‘ESG Bond ดีต่อโลก ดีต่อใจนักลงทุน’ โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าว ตราสารหนี้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Bond) เป็น ESG Bond ที่มีมูลค่าการออกสูงที่สุด สะท้อนให้เห็นว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างกำลังเร่งระดมทุนเพื่อไปดำเนินโครงการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนจะสามารถได้รับประโยชน์ในหลายๆ ด้านจากการลงทุนใน ESG Bond เช่น
- ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ: ESG Bond ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากหลักทรัพย์ประเภทนี้มักมาพร้อมด้วยการจ่ายดอกเบี้ยตามกำหนดเวลาที่ชัดเจน นี่เป็นข้อได้เปรียบสำหรับนักลงทุนที่มองหาการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ
- การสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน: โดยการลงทุนใน ESG Bond นักลงทุนจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาโครงการที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในสังคม และปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสังคม
- การลดความเสี่ยง: การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่มีการบริหารจัดการด้าน ESG ที่ดีมักมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า เนื่องจากมีการจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดีกว่า ซึ่งส่งผลให้พันธบัตรเหล่านี้มีความมั่นคงมากขึ้นในระยะยาว
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี: ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย นักลงทุนที่ลงทุนใน ESG Bond อาจได้รับการลดหย่อนภาษีตามที่กฎหมายกำหนด โดยการลดหย่อนภาษีนี้ช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ
อย่างไรก็ดี การลงทุนใน ESG Bond ก็มีความเสี่ยงด้านอื่นที่ไม่ต่างจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป เช่น ความเสี่ยงด้านเครดิตที่ผู้ออกตราสารอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าตราสารทางบัญชี หรือความเสี่ยงด้านนโยบายควบคุมที่มีความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางกฎหมาย หรือการควบคุมที่จะส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินงานของบริษัท
โดยตั้งแต่ปลายปี 2566 รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืน จึงได้มีการเริ่มโครงการกองทุน Thai ESG เพื่อสนับสนุนกลุ่มธุรกิจยั่งยืนในประเทศอย่างจริงจัง ด้วยการผลักดันทางด้านตลาดทุน โดยกองทุน Thai ESG มีจุดประสงค์ให้ประชาชน เกิดการออมเงินระยะยาวอย่างยั่งยืน ด้วยการลดหย่อนภาษีที่เป็นข้อดึงดูดนักลงทุน
โดยทุกวันนี้ กองทุน Thai ESG มีครบทุกนโยบายการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในหุ้นและ/หรือตราสารหนี้ ของบริษัทที่มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สังคม หรือมีธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งกองทุนจะต้องลงทุนที่ไม่น้อยกว่า 80% ในตราสารที่เกี่ยวเนื่องกับ ESG ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ สำหรับนักลงทุนที่ไม่ประสงค์จะแบกรับความเสี่ยงมาก การเลือกลงทุนกับกองทุน Thai ESG ที่มีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างผลตอบแทนในวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง และยังช่วยลดความเสี่ยงในพอร์ตของนักลงทุนได้ เมื่อเทียบกับการลงทุนในกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก
ภาพ: witsarut sakorn / Getty Images