เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (23 กุมภาพันธ์) บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) รายงานผลขาดทุนสุทธิ 4Q63 ที่ 474 ล้านบาท แย่ลงจากมีกำไรสุทธิ 176 ล้านบาทใน 4Q62 แต่ขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 514 ล้านบาทใน 3Q63 ซึ่งผลประกอบการ 4Q63 ที่ประกาศออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 20% โดยมีสาเหตุมาจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของ ERWPF
หากตัดรายการพิเศษดังกล่าวออกไปจะพบว่า ERW มีผลขาดทุนปกติ 4Q63 ที่ 381 ล้านบาท โดยรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่มีทั้งหมด (RevPar) ใน 4Q63 (ไม่รวม HOP INN) ลดลง 83%YoY แต่ดีขึ้นจากลดลง 89%YoY ใน 3Q63 ซึ่งมีสาเหตุมาจากอัตราการเข้าพักที่สูงขึ้นสู่ 25% จาก 14% ใน 3Q63 แต่ยังคงต่ำกว่า 4Q62 ที่ระดับ 78%
นอกจากนี้ ERW ได้ประกาศเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ที่อัตรา 1.25 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาเสนอขาย 1 บาทต่อหุ้น และให้ ERW-W3 ที่อัตรา 7 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีการอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้น
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ราคาหุ้น ERW ปรับตัวลง 14.78%DoD สู่ระดับ 3.92 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดผลประกอบการ 1Q64 ของ ERW จะขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก 4Q63 เนื่องจากถูกฉุดรั้งโดยการเดินทางในประเทศที่ชะลอตัวลงในเดือนมกราคม เพราะอัตราการเข้าพักอยู่ในระดับต่ำที่ 5-10% ซึ่งได้รับผลกระทบมาจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
สำหรับการเพิ่มทุนและแปลงสภาพ ERW-W3 ครั้งนี้จะเสริมสร้างสภาพคล่อง และสร้างความแข็งแกร่งทางฐานะทางการเงินให้แก่ ERW หากใช้สมมติฐานว่า ERW ได้เงินเพิ่มทุนทั้งหมดตามที่คาดไว้ จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนปรับลดจาก 3.2 เท่า ณ สิ้นปี 2563 เหลือ 2.1 เท่า ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งต่ำกว่าระดับ Debt Covenant ของบริษัทที่ 2.5 เท่า
มุมมองระยะยาว:
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 ของ ERW SCBS คาดว่าจะมีผลขาดทุนน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2563 โดยอิงกับ RevPar ที่เติบโต 3%YoY อ้างอิงบนสมมติฐานที่ว่าอัตราการเข้าพัก 25% เมื่อเทียบกับ 24% ในปี 2563 และ Average Room Rate (ARR) อยู่ในระดับที่ทรงตัว ตลอดจนการควบคุมต้นทุนจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์