กกพ. ชูแผนเปลี่ยนผ่านพลังงาน ปี 2568 ลุยต่อแผนผลิตไฟฟ้าสะอาด ดันซื้อขายไฟฟ้าสีเขียว UGT2 เดินหน้าเปิดเสรีก๊าซ ระยะ 2 ต่อเนื่อง พร้อมจับตาทรัมป์ 2.0 อาจมีลุ้นนำเข้าก๊าซราคาถูก ย้ำชัดทุกนโยบายต้องไม่กระทบค่าไฟประชาชน รับยุคเปลี่ยนผ่านพลังงานกำกับยาก
พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กรณีที่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงแนวทางการลดค่าไฟ 17 สตางค์ของ กกพ.ในการยกเลิกสัญญา Adder กับสัญญาที่เป็นปัญหา แต่หากเลิกเสี่ยงถูกฟ้องนั้น ขณะนี้กระทรวงพลังงานพยายามหาแนวทางใหม่ที่สามารถลดลงได้ถึง 40 สตางค์ เนื่องจากล่าสุดที่ประชุมเห็นว่า ไม่สามารถทำได้ตามแนวทางที่ กกพ. เสนอได้
พูลพัฒน์มองว่า กรณีที่มีแนวทางลดค่าไฟโดยการปรับค่า Adder ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เคยหยิบยกเสนอให้ภาคนโยบายพิจารณาเป็นทางเลือกแล้วเมื่อหลายปีก่อน ฉะนั้นประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับนโยบาย ต้องหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแนวทางจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น กกพ. ก็พร้อมที่จะสนับสนุนเพื่อช่วยลดค่าไฟให้กับภาคประชาชน
ส่วนการปรับลดค่าไฟลง 40 สตางค์ต่อหน่วย เป็นนโยบายของ รมว.พลังงาน ซึ่งเราต้องดูข้อมูลทั้งหมดว่าจะลดในส่วนใดได้บ้าง กกพ.พร้อมร่วมสนับสนุน รวมถึงดูแนวทางของ รมว. ว่ามีแนวทางอย่างไรต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ทำไมทรัมป์ 2.0 บีบโลกใช้ฟอสซิลอาจทำให้ค่าไฟไทยถูกลง?
- ‘พีระพันธุ์’ ชี้ แนวทาง กกพ. ชงลดค่าไฟลง 17 สตางค์ ไม่สามารถทำได้ เหตุเป็นข้อผูกพันทางสัญญา
- “3 วันนี้เป็น 3 วันที่ไม่ธรรมดา เก๋าเกม ทำเหมือนอยู่มาแล้ว 1 เดือน” ถอดรหัสแนวคิดทรัมป์ 2.0 กับ 3 วันเขย่าโลก
- วิเคราะห์ ‘ลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้า’ นโยบายว้าวุ่นที่เกาไม่เคยถูกที่คัน?
- เปิด (ร่าง) แผน PDP เวอร์ชัน 2024 ปรับเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 51%…
สำหรับแนวโน้มการลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) งวดหน้าเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 ต้องรอดูต้นทุนค่าเชื้อเพลิงประเภทเชื้อเพลิงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อน
จับตาทรัมป์ 2.0 – หนี้ กฟผ.-ปตท. คงค้าง 9 หมื่นล้านบาท
ขณะนี้จึงต้องรอดูสถานการณ์เพื่อประกอบการพิจารณา รวมถึงต้องรอดูผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ที่อาจกระทบต่อราคาค่าเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ว่าจะมีแนวโน้มลดลงหรือไม่ ก็ต้องเฝ้าติดตามนโยบายพลังงานของทรัมป์ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากดูจากนโยบายของทรัมป์ก็หวังว่าจะทำให้ราคานำเข้า LNG ถูกลงบ้าง
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันยังมีหนี้คงค้างกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อีกราว 80,000 ล้านบาท และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) อีก 15,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การปรับลดค่าไฟ กกพ. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นวันที่ 7 มีนาคมนี้ ก่อนประกาศอัตราค่าไฟที่ชัดเจน
เร่งปรับสมดุลภาคพลังงาน เพิ่มการแข่งขัน รองรับการเปิดเสรีอนาคต
ทั้งนี้ กกพ. อยู่ระหว่างการพัฒนาและปรับปรุงกฎระเบียบ และโครงสร้างพื้นฐานด้านการกำกับกิจการพลังงานของประเทศ โดยมีเป้าหมายในการรักษาสมดุลในภาคพลังงานคู่ขนานกับการเพิ่มการแข่งขันในกิจการไฟฟ้าและกิจการก๊าซธรรมชาติ รองรับการเปิดเสรีในอนาคต เพื่อให้เปลี่ยนผ่านระยะยาว โดยในปี 2568 จะมุ่งดำเนินการใน 4 ประเด็นหลัก
- ผลักดันการสร้างตลาดกลาง (Market Place) เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสีเขียว สนับสนุนการซื้อขายพลังงานสีเขียว ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณความต้องการพลังงานสีเขียวเพิ่มมากขึ้นตามทิศทางพลังงานสากล
- เตรียมความพร้อมด้านกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการกำกับดูแลและสร้างความคล่องตัวในกระบวนการรับรองไฟฟ้าสีเขียว
- สร้างความร่วมมือและการแข่งขันที่เป็นธรรม เพื่อให้พลังงานความมั่นคงและเอื้อต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศ เชื่อมโยงกับสากลได้
- เป็นกลไกกำกับกิจการพลังงานที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีด้านพลังงานได้อย่างรวดเร็ว รองรับได้ทั้งรูปแบบพลังงานใหม่ๆ
“วันนี้เราอยู่ในเทรนด์ของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากพลังงานดั้งเดิมไปสู่พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดเปลี่ยนเร็วมาก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสุดท้ายคือให้พลังงานสะอาดเข้ามาทดแทนพลังงานดั้งเดิม และต้องตอบโจทย์ความมั่นคงและความมีเสถียรภาพให้ได้ ซึ่งผมมองว่า วันนี้เทคโนโลยีของไทยไปถึงเป้าหมายแล้ว แต่เรื่องของราคายังไม่สามารถไปถึงเป้าเท่าที่ควร ที่สำคัญคือเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน เช่น สายลม แสงแดด ถูกลงเรื่อยๆ แต่บางชนิดก็ยังแพง เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว หรือ Green Hydrogen และเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานก็ยังแพงอยู่มากสำหรับประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ต้องเร่งพัฒนา” พูลพัฒน์กล่าว
ไทยเผชิญความกดดันมาตรการกีดกันทางการค้า พลิกเกมดัน ‘ไฟฟ้าสีเขียว’ รับบิ๊กเทค
ขณะที่อีกด้าน ไทยและประเทศกำลังพัฒนาต่างเผชิญกับกระแสของการกดดันและกีดกันการใช้พลังงานฟอสซิลจากกลุ่มประเทศผู้นำเศรษฐกิจของโลกที่มีความจำเป็นต้องเอาตัวรอดจากมาตรการกีดกันทางการค้าด้วยภาษี
พูลพัฒน์กล่าวอีกว่า แผนงานในปี 2568 จะมุ่งไปที่ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
1. การเริ่มให้บริการ-ไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา (UGT1) ในเดือนเมษายน 2568 ซึ่ง กฟผ. กฟน. และ กฟภ. จัดเตรียม UGT1 ไว้รองรับความต้องการเป็นปริมาณรวมประมาณ 2,000 ล้านหน่วยต่อปี
สำหรับการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าเจาะจงแหล่งที่มา (UGT2) ที่รองรับความต้องการเป็นปริมาณรวมประมาณ 8,000 ล้านหน่วยต่อปี จะเริ่มเปิดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าลงทะเบียนสมัครใช้บริการภายในเดือนมิถุนายน 2568
“ปีนี้ 2568 อัตราค่าบริการ UGT1 จะบวกส่วนเพิ่มจากค่าไฟฟ้าตามปกติหน่วยละประมาณ 6 สตางค์ต่อหน่วย หรือ 4.21 บาทต่อหน่วย จากลูกค้ากลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาใช้บริการโดยเฉพาะ ในขณะที่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนจะยังจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราเฉลี่ยเดิมคือ 4.15 บาทต่อหน่วย ไม่มีการบวกส่วนเพิ่ม จึงไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว”
รวมถึงการกำหนดกฎเกณฑ์และแนวทางในการรับรองแหล่งที่มาของไฟฟ้าสีเขียวตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นสะพานไปสู่การพัฒนาตลาดไฟฟ้าสีเขียว และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในอนาคต
“นโยบายนี้สำคัญอย่างมากเพราะจะเห็นได้ว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA, Microsoft, Google หรือบริษัทที่เตรียมลงทุน Data Center คลาวด์ในไทย ให้ความสำคัญกับพลังงานสีเขียวเป็นเรื่องแรกๆ”
2. กำกับกิจการไฟฟ้าตามนโยบายโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Direct PPA คาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568
3. กำกับกิจการก๊าซธรรมชาติตามแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 พร้อมจัดทำระบบข้อมูลราคาก๊าซ (Pool Gas) ทั้งประมาณการราคา และราคา Pool Gas จริง
4. พัฒนากลไกกำกับกิจการพลังงานเพื่อรองรับการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยี โดยศึกษารูปแบบ Disruptive Technology ต่างๆ ในต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในไทย ไม่ว่าจะเป็น การตอบสนองด้านโหลด (Demand Response), Microgrid, RE Forecast, Aggregator, Battery Storage และยังคงเดินหน้าสนับสนุนการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
ท้ายสุดคือไทยต้องเร่งจัดทำข้อกำหนดหรือปรับปรุงแก้ไขระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องรองรับ Disruptive Technology ตามแผนการขับเคลื่อน Smart Grid โดยคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในกันยายน 2568
ภาพ: Caption Photo Gallery / Getty Images