วันนี้ (3 พฤศจิกายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังร่วมหารือกับกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, เชียงใหม่ และภูเก็ต พร้อมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงแผนบูรณาการการท่องเที่ยวเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. ว่ามีหลายหน่วยงานร่วมหารือ ต้องดูว่ามีความเหมาะสมอย่างไร ซึ่งก็ยังมีผู้ว่าราชการ 4 จังหวัดหลักมาร่วมหารือเป็นจังหวัดนำร่อง ตรงไหนที่เราทำได้เราก็จะทำก่อน ส่วนในอนาคตก็ไปว่ากันทีหลัง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างเดียว แต่ยังทำให้ประชาชนที่มีอาชีพค้าขายด้วยหรือร้านอาหารและสถานบริการด้านอื่นสามารถเปิดบริการได้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่ทางกระทรวงมหาดไทยก็ดูเรื่องการทำโซนนิ่งและใบอนุญาตต่างๆ ซึ่งจะทยอยตามมา โดยเดดไลน์ที่คาดไว้คือ 15 ธันวาคมนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้ทำความเข้าใจกับประชาชน ทั้งเรื่องปัญหาเสียงรบกวน การเมาไม่ขับก็จะต้องเน้นย้ำ การติดกล้อง CCTV ก็จะต้องมากขึ้น
เมื่อถามถึงการเข้มงวดการตรวจตราการใช้ยาเสพติดในสถานบันเทิงนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำอย่างเข้มข้น ยืนยันว่าการขยายเวลาขณะนี้แค่ 04.00 น. แต่จะต้องดูให้เป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนจะทำถาวรเลยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า น่าจะเป็นเพียงชั่วคราวก่อน เพราะอาจมีการเปลี่ยนโซนนิ่งและอะไรหลายๆ อย่างด้วย ขอทำช่วงต้นนี้ก่อน เริ่มวันที่ 15 ธันวาคม ส่วนจะไปถึงไหนก็จะต้องมีคณะพิจารณาตามความเหมาะสมอีกที
เมื่อถามว่าที่กรุงเทพฯ จะเป็นเพียงบางพื้นที่หรือทั่วจังหวัด นายกรัฐมนตรียืนยันต้องเป็นการจัดโซนแน่นอน พร้อมย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ให้ความมั่นใจว่าหากทุกอย่างที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ทั้งกำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็สามารถบริหารจัดการได้
ด้านอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า กระทรวงมหาดไทยรับบัญชาจากนายกรัฐมนตรีและคุยกับตำรวจแล้วจะทำร่างประกาศกระทรวงให้สอดคล้องกัน ซึ่งกฎกระทรวงต้องเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบและประกาศลงราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับ อีกทั้งต่อไปกระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอออกเป็น พ.ร.บ.ให้อำนาจผู้ว่าสามารถประกาศพื้นที่โซนนิ่งและเวลาเปิดปิด ซึ่งตนเห็นด้วยเพราะหากจะขอขยายเวลาปิดเปิดแล้วต้องไปถึงขั้นแก้กฎหมายจะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวลำบาก
ส่วนกรณีมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่ในสถานบันเทิงที่เปิดเกินเวลา ในจ.เชียงใหม่ อนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดก็ตามถ้าไม่ได้เข้าไปเพื่อปฏิบัติงาน ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย ยืนยันว่ากฎหมายต้องเท่าเทียมกันทุกคน