ทางการอังกฤษยกเลิกมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดส่วนใหญ่ในวันนี้ (27 มกราคม) ซึ่งรวมถึงการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ปิด และการใช้วัคซีนพาสปอร์ต หรือเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนในการเข้าไนต์คลับ สนามฟุตบอล และงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ต่างๆ หลังรัฐบาลมั่นใจว่าแผนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนประสบผลสำเร็จในการช่วยลดอาการป่วยรุนแรงและลดผู้ติดเชื้อที่เข้ารักษาในโรงพยาบาล
การยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ล่าสุดเริ่มบรรเทาความรุนแรงลงอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลอังกฤษเรียกว่า ‘แผน B’ เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดที่รวดเร็วของโอมิครอน และลดผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและโรงพยาบาลต่างๆ รวมถึงซื้อเวลาให้ประชาชนได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และจนถึงตอนนี้มีประชาชนในอังกฤษได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วมากกว่า 37 ล้านคน
บรรยากาศในกรุงลอนดอนวันนี้มีประชาชนหลายคนแสดงความยินดีต่อการยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดที่เข้มงวดดังกล่าว ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
โดยเอลิซาเบธ ไฮเนส หญิงไอร์แลนด์วัย 71 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในลอนดอนมานานกว่า 47 ปี ให้สัมภาษณ์สื่อว่า เป็นเรื่องดีมากที่ลอนดอนจะกลับไปเป็นเหมือนที่เคย และเชื่อว่าหลายคนคงคิดถึงโรงละครและการเข้าชมโชว์ต่างๆ
เช่นเดียวกับ จูเลีย หญิงวัย 28 ปีจากสเปน ซึ่งชื่นชมการยกเลิกมาตรการคุมเข้มป้องกันโควิดของอังกฤษ โดยมองว่า ‘ถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ’
“เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว และถึงเวลาที่เราต้องรับผิดชอบตัวเอง” เธอกล่าว พร้อมบรรยายความอึดอัดที่สเปนยังบังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ต่างๆ ทั้งบนถนนหรือชายหาดที่ไม่มีคน
“ฉันชอบมาตรการของสหราชอาณาจักรมากกว่า เพราะมันจะยากมากในการจะไปเยี่ยมครอบครัวสำหรับที่นั่น (สเปน) ฉันฉีดวัคซีนครบแล้ว แต่ฉันไม่ต้องการฉีดวัคซีนทุก 9 เดือน”
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลอังกฤษยังได้ยกเลิกข้อแนะนำให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน ตลอดจนข้อแนะนำในการสวมหน้ากากอนามัยระหว่างอยู่ในชั้นเรียน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ประกาศว่า การแพร่ระบาดของโอมิครอนทั่วประเทศนั้นเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดแล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่นั้นลดลงต่อเนื่องตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากกว่า 200,000 คนในช่วงปีใหม่ มาอยู่ที่ประมาณ 100,000 คนในช่วงสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและห้อง ICU ซึ่งมีจำนวนคงที่หรือลดลง
ทั้งนี้ นอกจากอังกฤษ ประเทศในสหราชอาณาจักรอย่างสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ที่บังคับใช้มาตรการป้องกันโควิดของตนเอง ก็ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดต่างๆ แล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลอังกฤษจะยุติการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวด แต่ร้านค้าและผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะบางรายประกาศว่าจะยังคงขอให้ผู้ใช้บริการสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่ซาดีก คาน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ยืนยันว่าประชาชนยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยระหว่างอยู่ในรถบัสและรถไฟใต้ดิน
ภาพ: Photo by Vuk Valcic/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: