วันนี้ (15 เมษายน) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ร.ต.อ. สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ สมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานอนุกรรมการคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ แถลงหลังสมเกียรติเดินทางมาให้ข้อมูลกรณีถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงาน กิจการร่วมค้า PKW (ประกอบด้วย บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด, บริษัท ว. และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด และ บริษัท เคพี คอนชัลแทนส์ จำกัด) ที่เป็นคู่สัญญาผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่
พ.ต.อ. ทวี เปิดเผยว่า วันนี้สมเกียรติมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน และจะเซ็นลายเซ็นของจริงเพื่อส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เทียบกับลายเซ็นในเอกสารที่ปรากฏตามเอกสาร หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ตรงกันก็ถือว่าเป็นพิรุธ ซึ่งสามารถตั้งข้อสังเกตว่ามีการควบคุมงานการก่อสร้างจริงหรือไม่ และควบคุมโดยใคร
ทั้งนี้ ตามปกติหน่วยงานราชการที่ต้องการก่อสร้างอาคารจะให้กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ แต่อาคาร สตง. ทั้งสองหน่วยงานไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ เนื่องจาก สตง. ขอให้เร่งออกแบบภายใน 180 วัน ซึ่งทางกรมไม่สามารถดำเนินการได้ทัน จึงต้องจ้างบริษัทเอกชนออกแบบ ส่วนที่ตรวจสอบพบว่าผู้ออกแบบมีอายุ 80 ปีนั้นต้องได้รับการตรวจสอบ
สมเกียรติกล่าวว่า วันนี้ย้ำอยู่เพียง 2 เรื่อง คือตนไม่ใช่ผู้ควบคุมงาน ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้าง สตง. และถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งได้แจ้งความกับ สน.วังทองหลางไว้แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ปลอมลายเซ็น
ส่วนจะมีการฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายหรือไม่นั้น ต้องขอปรึกษาก่อน เพราะการจะทำอะไรต้องทำอย่างรอบคอบ ยืนยันว่าไม่รู้จัก ปฏิวัติ ศิริไทย กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันกับกิจการร่วมค้า PKW และไม่ขอตอบว่ารู้จักใครในบริษัทนี้หรือไม่ รวมถึงใครที่ชวนไปทำงานด้วยเมื่อปี 2563
สมเกียรติกล่าวอีกว่า ไม่ได้ทำงานควบคุมการก่อสร้างมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยสามารถตรวจสอบจากสภาวิศวกรได้ว่าตนเองเคยไปขออนุญาตควบคุมงานก่อสร้างโครงการนี้หรือไม่
ด้าน ร.ต.อ. สุรวุฒิกล่าวว่า ข้อมูลที่ได้ในวันนี้เชื่อมโยงกับคดี 3 คนไทยเป็นนอมินีถือครองหุ้นบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการก่อสร้าง ซึ่งการปลอมเอกสารเป็นสาเหตุของเรื่องหลายอย่าง ถือเป็นจิ๊กซอว์ที่เชื่อมต่อว่ามีการทำผิดอะไรบ้าง ซึ่งในการดำเนินคดีจะมีการพูดคุยแลกข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอด และต้องไปตรวจสอบย้อนหลังว่ามีเคสปลอมแปลงลายเซ็นของบริษัท PKW หรือไม่ หากพบมีข้อมูลก็จะต้องขยายผลอย่างแน่นอน