องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) อนุมัติวัคซีน Pfizer-BioNTech สำหรับกลุ่มอายุ 12-15 ปีเรียบร้อยแล้ว นับเป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก EU ให้ใช้กับกลุ่มอายุดังกล่าว
มาร์โก คาวาเลรี หัวหน้างานยุทธศาสตร์วัคซีนของ EMA ระบุว่า กลุ่มอายุ 12-15 ปีจะต้องได้รับวัคซีน 2 โดส ห่างกันอย่างน้อย 3 สัปดาห์ โดยการทดลองแสดงให้เห็นว่าวัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโควิด-19 ในเด็ก
“ส่วนในแง่ของความปลอดภัยนั้น วัคซีนสามารถทนต่อผลข้างเคียงได้ดีในกลุ่มอายุนี้ ซึ่งผลข้างเคียงก็คล้ายกันมากกับที่เราพบในกลุ่มวัยรุ่น และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีประเด็นที่น่ากังวล” เขากล่าวเสริม โดยสหภาพยุโรปได้อนุมัติวัคซีน Pfizer สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว
สำหรับในตอนนี้ แต่ละประเทศสมาชิกต้องตัดสินใจว่าจะอนุมัติให้ใช้วัคซีนดังกล่าวกับเด็กๆ หรือไม่ โดยเยอรมนีให้ไฟเขียวแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี
ผู้นำรัฐบาลกลางและรัฐบาลระดับรัฐของเยอรมนีเห็นชอบให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปเริ่มรับวัคซีนโควิด-19 ได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในกลุ่มวัยรุ่นไม่ใช่การบังคับ ขณะที่มีผลสำรวจเผยให้เห็นว่ามีผู้ปกครองเพียง 51% เท่านั้นที่ต้องการให้ลูกได้รับวัคซีน
ด้าน ฟลอเรียน ฮอฟมันน์ นายกสมาคมการแพทย์ฉุกเฉินและวิกฤตของเยอรมนี กล่าวว่า ผู้ใหญ่ควรได้รับการฉีดวัคซีนก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่ามากที่จะล้มป่วยด้วยอาการรุนแรงหากติดเชื้อไวรัส
ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสจะเปิดให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเข้ารับวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม จากปัจจุบันที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ทั้งนี้การประกาศรับรองวัคซีน Pfizer-BioNTech สำหรับเด็กอายุ 12-15 ปีใน EU มีขึ้นในวันเดียวกับที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนว่ายุโรปจำเป็นต้องเร่งการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้น
ฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำยุโรป แสดงความเห็นว่า การฉีดวัคซีนทั่วยุโรปยัง “ช้าเกินไป” พร้อมกับเตือนว่าการระบาดจะไม่สิ้นสุดจนกว่าประชากรอย่างน้อย 70% ได้รับการฉีดวัคซีน
นอกจากนี้คลูเกอยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ โดยชี้ว่าความเร็วคือกุญแจสำคัญ
“ตัวอย่างเช่น เราทราบดีว่า B.1617 (สายพันธุ์อินเดีย) สามารถแพร่เชื้อได้มากกว่า B.117 (สายพันธุ์อังกฤษ) ซึ่งก็แพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว” เขากล่าว
“เพื่อนที่ดีที่สุดของเราคือความเร็ว เราทำงานแข่งกับเวลา เราต้องเร่งความเร็ว เราต้องขยายการฉีดวัคซีนให้กว้างขึ้น”
เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม สหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้อนุมัติวัคซีน Pfizer สำหรับฉีดให้กับกลุ่มวัยรุ่น โดยแคนาดาเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตให้ใช้วัคซีน Pfizer สำหรับเด็กอายุระหว่าง 12-15 ปี ระบุเป็นการตัดสินใจที่อิงกับข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ตามด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ที่ให้การอนุมัติในอีกไม่กี่วันต่อมา โดยระบุว่าเป็น “ก้าวสำคัญในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19”
ภาพ: Pavlo Gonchar / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: