อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจ ผู้ก่อตั้ง รถยนต์ไฟฟ้า Tesla เปิดเผยเมื่อวันพุธ (12 กรกฎาคม) เตรียมจัดตั้งบริษัทใหม่ที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มัสก์ซุ่มวางแผนสร้างคู่แข่งกับ ChatGPT มาหลายเดือน
รายงานระบุว่า บริษัทใหม่ของมัสก์จะใช้ชื่อว่า xAI ซึ่งเปิดตัวเว็บไซต์และทีมงานจำนวนหลายสิบคน โดยบริษัทใหม่นี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของมัสก์ และ “จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Twitter, Tesla และบริษัทอื่นๆ เพื่อดำเนินการตามภารกิจของมัสก์ ที่ตั้งเป้าให้ xAI เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของจักรวาล
ทั้งนี้ มัสก์ทวีตข้อความอธิบายว่า การจัดตั้งบริษัท xAI มีขึ้นเพื่อทำความเข้าใจกับความเป็นจริง
ด้านแถลงการณ์ของบริษัท xAI จะจัดงานเปิดตัวผ่าน Twitter Spaces ในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้
ที่ผ่านมา มัสก์ถือเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนสำคัญของ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ในยุคแรกๆ ก่อนที่จะแสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการป้องกันที่ทาง OpenAI เพิ่มเข้ามาในภายหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้แชตบอตแสดงคำตอบที่มีอคติหรือเหยียดเพศ
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มัสก์ทวีตข้อความแสดงความกังวลว่า ข้อเท็จจริงที่ผิดเพี้ยนของ ChatGPT อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ขณะที่ต่อมาในเดือนเมษายน มัสก์ให้สัมภาษณ์กับ Fox News เปิดเผยถึงโครงการ AI ของตนว่า เป็น TruthGPT ซึ่งจะเป็น AI ที่แสวงหาความจริงขั้นสูงสุด ที่ใส่ใจในการทำความเข้าใจจักรวาล
การประกาศบริษัทใหม่ของมัสก์มีขึ้นหลายเดือนหลังจากที่เขาเตือนในการให้สัมภาษณ์ว่า เขาคิดว่า AI อาจทำให้เกิด ‘การทำลายล้างอารยธรรม’ และเข้าร่วมกับผู้นำเทคโนโลยีรายอื่นๆ ในการเรียกร้องให้หยุดการแข่งขัน AI ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
ขณะนี้มีรายละเอียดอื่นๆ อีกเล็กน้อยเกี่ยวกับภารกิจของบริษัท แต่เว็บไซต์ของ xAI ระบุว่าบริษัทกำลังรับสมัครพนักงานอยู่ เบื้องต้นทีมงานของ xAI รวมถึง อิกอร์ บาบูชกิน อดีตวิศวกรจาก DeepMind โทนี วู ซึ่งเคยทำงานให้กับ Google คริสเตียน เซจีดี นักวิจัย Google และ เกร็ก หยาง อดีตพนักงาน Microsoft
‘บิล เกตส์’ ยังกังวลภัยคุกคามจาก AI
วันเดียวกันมีรายงานว่า บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft แสดงความเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ผ่านบล็อกโพสต์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 กรกฎาคม) โดยกล่าวถึงผลกระทบหลักๆ บางประการที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งครอบคลุมถึงศักยภาพในการแพร่กระจายข้อมูลผิดๆ และภาวะตกงานของคนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เกตส์ยังคงมองในแง่ดี และดูกังวลน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้บริหารคนอื่นๆ ใน Silicon Valley เกี่ยวกับความเสี่ยงของปัญญาประดิษฐ์ โดยเจ้าตัวชี้ว่า ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความเสี่ยงที่สามารถวางแผนจัดการได้ล่วงหน้า
เกตส์อธิบายว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่นวัตกรรมทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามใหม่ และแต่ละครั้งมนุษย์ก็สามารถใช้การบริหารจัดการจนทำให้ผ่านพ้นมาได้อย่างลุล่วง ก่อนเปรียบ AI กับการเปลี่ยนแปลงที่พลิกโฉมหน้าในสังคม เช่น การมาถึงของรถยนต์ที่ทำให้คนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย จำกัดความเร็ว สอบใบขับขี่ และปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอื่นๆ
เกตส์ย้ำว่า นวัตกรรมสามารถสร้างความปั่นป่วนได้มากมายในตอนเริ่มต้น แต่ในท้ายที่สุดสังคมจะบริหารจัดการหาทางใช้นวัตกรรมให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์มากที่สุด
อ้างอิง:
