รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังผลักดัน หลังจากการได้รับเลือกตั้งของ โจ ไบเดน เขาก็ได้ประกาศว่าจะกลับมาสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นพลังงานที่ยั่งยืน เช่น โรงไฟฟ้าหมุนเวียน รถยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมที่ช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
หนึ่งในนโยบายที่นักลงทุนควรรู้คือ นโยบายเรื่อง EV Tax Credit ของโจ ไบเดน ที่จะกลับมาให้ Tax Credit กับคนที่ซื้อรถไฟฟ้าอีกครั้ง การทำแบบนี้จะทำให้รถไฟฟ้าที่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ธรรมดาได้รับความสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีนโยบาย EV Tax Credit แต่ครั้งนี้เป็นการเพิ่มโควตาของรถไฟฟ้าจากที่เคยให้โควตาสูงสุดอยู่ที่ 2 แสนคัน รอบนี้จะเพิ่มเป็น 6 แสนคัน โดยมีมูลค่า Tax Credit ที่ให้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 7,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 217,000 บาท
มูลค่าระดับนี้ถือเป็น Tax Credit ที่ค่อนข้างสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับราคารถในสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่มักจะถูกกว่าไทยที่เน้นเก็บภาษีรถยนต์เยอะๆ โดยรถคันไหนได้ Tax Credit เท่าไรนั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ ยิ่งแบตเตอรี่ใหญ่ยิ่งได้ Tax Credit เยอะ
พอกำหนดที่ขนาดของแบตเตอรี่เลยทำให้รถยนต์ไฮบริดที่ไม่ได้เป็น EV 100% ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย แต่จะได้ Tax Credit น้อยหน่อยเพราะแบตเตอรี่มีขนาดเล็ก
ผลดีจากนโยบายนี้มีอยู่ 3 ประการด้วยกัน
1. ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หันมาเน้นการผลิตรถไฟฟ้ามากขึ้น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลงในระยะยาว ดีต่อมลภาวะของโลก
2. การมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนถนนมากขึ้น จะช่วยให้การสร้าง Infrastructure ต่างๆ คุ้มค่ามากขึ้น เช่น การสร้างแท่นชาร์จเป็นต้น เมื่อทำแล้วคุ้มค่า มีกำไร ไม่ขาดทุน ผู้ประกอบการต่างๆ ก็จะเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ และช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเร็วขึ้น
3. บริษัทรถไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังอยู่ในเฟสที่กำลัง Ramp-up ราคาสูงและขาดทุนอยู่ การมี Tax Credit จะช่วยต่อลมหายใจให้กับบริษัทเหล่านั้น เมื่อมีบริษัทรถไฟฟ้ามากขึ้น การแข่งขันสูงขึ้น เดี๋ยวราคาก็จะลงมาเอง สุดท้ายส่งผลดีกับประชาชน
สุดท้ายถามว่าใครได้ประโยชน์จากนโยบายครั้งนี้มากที่สุด? หลายๆ คนคงตอบว่าหุ้นรถไฟฟ้ารายใหญ่อย่าง Tesla แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะ Tesla เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และเป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้ดีอยู่แล้ว
คนที่ได้ประโยชน์สูงกว่าน่าจะเป็นบริษัทรถยนต์ EV ใหม่ๆ ที่ยังมีวอลุ่มการผลิตไม่มาก ต้นทุนสูง และยังไม่มีกำไร นโยบายนี้จะช่วยให้การซื้อรถของบริษัทเหล่านั้นถูกลง
นอกจากนั้นนโยบายนี้ยังทำให้ในระยะสั้น อาจทำให้คนที่คิดจะซื้อรถไฟฟ้าอยู่แล้วรอให้นโยบายนี้มีผลบังคับใช้ ทำให้ยอดขายรถไฟฟ้าในช่วงต้นปี 2021 อาจจะมีการชะลอตัวลงไปบ้าง
อย่างไรก็ตามรถไฟฟ้ายังถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่อย่างไรก็ต้องโต การต่ออายุโครงการ EV Tax Credit ครั้งนี้ อาจจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ยังมีการเติบโตรออยู่ในอนาคตอีกมหาศาลก็เป็นได้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
