กูรูประสานเสียง Election Rally มาแน่! ดักการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคมนี้ เมย์แบงก์ลุ้น SET Index วิ่งแตะ 1,630 จุด ด้าน บล.ยูโอบี คาดจากนี้ถึงกลางปีดัชนีจ่อทะยาน 100-150 จุด เหตุนักลงทุนเชื่อมั่นรัฐบาลใหม่ ลุยคลอดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ปั๊ม GDP ไทยปีนี้โต 4%
วิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ ถือเป็นปัจจัยหนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากสร้างความคาดหวังเชิงบวกว่ารัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศจะมีนโยบายใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘กอบศักดิ์’ แนะทยอยซื้อหุ้นเทคสหรัฐฯ เชื่อผลตอบแทนในอีก 1-2 ปีข้างหน้าดีกว่าฝากแบงก์
- เปิดพอร์ตพันล้าน ‘เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์’ ถือหุ้นอะไรบ้าง
- หุ้นไทย SET ดิ่ง 90 จุด ใน 3 วัน! โบรกชี้ภาวะ Panic Sell พ่วงแรงขายจาก ‘การบังคับขาย’ แต่ 1,520 จุด อาจไม่ใช่จุดขายแล้ว!
โดยจากสถิติค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 20 ปีของประเทศไทยที่มีการเลือกตั้งจำนวน 5 ครั้ง จะส่งผลให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้เป็น 2 รอบ คือ รอบที่ 1 ช่วงก่อนการเลือกตั้ง 3 เดือน SET Index จะมีปรับตัวขึ้น โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก 3.4% และรอบที่ 2 หลังจากวันเลือกตั้งระยะเวลา 1 เดือน มีโอกาสที่ SET Index จะปรับขึ้นในอัตราที่สูงกว่า โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกราว 5%
ดังนั้นเมื่อนำปัจจัยทางเทคนิคมาประเมิน Upside ของ SET Index จากปัจจัยการเลือกตั้งในรอบนี้ระยะสั้นจะมีแนวต้านแรกที่ 1,580 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,600 จุด และ 1,630 จุด ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 4% จากดัชนีปัจจุบันที่ 1,550-1,560 จุด ซึ่งซึมซับความกังวลกรณีวิกฤตสถาบันการเงินในยุโรปไปมากแล้วและสถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มคลี่คลายในเชิงบวก
ส่วนปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐฯ แม้ว่ามีความเสี่ยงที่จะเห็นภาคธนาคารมีปัญหาเพิ่มเติม แต่จะยังจำกัดอยู่ในธนาคารขนาดเล็ก ขณะที่ท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ กับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ มีการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลในประเด็นดังกล่าวลงเช่นกัน
“ปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐฯ กับยุโรปเริ่มคลายลง แต่ตลาดยังรอความชัดเจนของนโยบายดอกเบี้ย Fed ส่วนไทยตอนนี้มีความคาดหวังประเด็น Election Rally ที่รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ จึงถือเป็นจังหวะที่ดีของตลาดหุ้นไทย แต่ยังคาดเดาได้ยากว่าพรรคไหนจะได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เพราะรอบนี้การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกทาง ส่วนปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยปีนี้มี Momentum ของการฟื้นตัวที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะแรงหนุนทั้งจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภายใน ซึ่งฝ่ายวิจัยกลุ่มเมย์แบงก์ประเมินว่า GDP ของไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ถึงประมาณ 4%” วิจิตรกล่าว
นอกจากนี้คาดว่ารัฐบาลใหม่ที่กำลังจะมาจากการเลือกตั้งมีโอกาสที่ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งภาคการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงนโยบายในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เสริมให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติม
ส่วนคำแนะนำการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ให้ทยอยซื้อหุ้นกลุ่ม Domestic Play เป็นหุ้นที่มีปัจจัยฟื้นที่ดี และยังได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ได้แก่ กลุ่มสื่อสารคือ ADVANC, กลุ่มค้าปลีกคือ CPALL, HMPRO และกลุ่มการเงินคือ JMT
ลุ้น SET Index จากนี้ถึงกลางปีทะยาน 100-150 จุด
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นมองว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้สามารถให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกในลักษณะ Election Rally
โดยเมื่อดูสถิติย้อนหลังในอดีตในช่วงการเลือก 7 ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวน 4 ครั้งที่ตลาดหุ้นไทยมีการปรับขึ้นล่วงหน้า 3-6 เดือนก่อนวันเลือกตั้ง โดยเฉพาะในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกในระดับที่ดีที่สุด อีกทั้งหลังการเลือกตั้งจะสามารถให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ประเมินว่า SET Index จะมี Upside ในช่วงกลางปีนี้ที่ระดับประมาณ 100-150 จุดจากระดับปัจจุบันที่ระดับประมาณ 1,550 จุด โดยมีปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ดีขึ้นจากความคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเดินหน้าออกนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านทั้งการลงทุนของภาครัฐและออกนโยบายเพื่อกระตุ้นภาคการบริโภคด้วย ขณะที่เป้าหมายของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ไว้ยังคงที่ระดับ 1,730 จุด แต่ทั้งนี้ คงต้องติดตามปัจจัยประเด็นเศรษฐกิจในต่างประเทศที่จะมีผลต่อเป้าหมายดัชนีดังกล่าวด้วย
โดยมีมุมมองเป็น 2 Scenario ที่เป็นภาพบวกต่อตลาดหุ้น
- Scenario ที่ 1 คือ เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยพรรคการเมืองขั้วอำนาจใหม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะนักลงทุนมีความหวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายในการบริหารประเทศเกิดขึ้น
- Scenario ที่ 2 คือ พรรคการเมืองขั้วอำนาจเดิมได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลในลักษณะที่มีเสถียรภาพสูงมาก หรือมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 300 เสียงขึ้นไป
สำหรับหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ก่อนเลือกตั้งคือ กลุ่มที่อิงกับการบริโภคในประเทศจากอานิสงส์ของการออกนโยบายในการกระตุ้นการบริโภค ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์, ค้าปลีก, การเงิน, มีเดีย และสื่อสาร ในขณะที่หลังการเลือกตั้ง 1 เดือนจะมีหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ เพราะจะเริ่มเห็นขั้วอำนาจที่ชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศจากปัจจัยบวกที่การเลือกตั้งจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคปรับตัวดีขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ส่วนหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างให้รอซื้อในช่วงใกล้หรือวันเลือกตั้ง