ราคา Bitcoin ที่ลดลง 40% ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ถือครองและเข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ต้องเผชิญกับผลขาดทุนประมาณ 40 ล้านดอลลาร์ ตามการคาดการณ์ของ Bloomberg ตัวเลขขาดทุนดังกล่าวสูงกว่าหนี้พันธบัตรของเอลซัลวาดอร์ที่กำลังจะครบรอบชำระคืนจำนวน 38.25 ล้านดอลลาร์ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้
ช่วงที่ผ่านมา ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ของเอลซัลวาดอร์ ได้ใช้เงินของประเทศเข้าซื้อ Bitcoin ไปประมาณ 105 ล้านดอลลาร์ อิงจากการประกาศผ่านทวิตเตอร์ ขณะที่ราคาของ Bitcoin ร่วงลงมา 45% หลังจากการเข้าซื้อครั้งแรก ส่งผลให้มูลค่าของ Bitcoin ที่ถืออยู่ 2,301 เหรียญ Bitcoin ลดลงไปเหลือประมาณ 66 ล้านดอลลาร์
Carlos Acevedo อดีตผู้ว่าธนาคารกลางของเอลซัลวาดอร์ กล่าวว่า “มันค่อนข้างเสี่ยงมาก เพราะ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนสูงมาก และการลงทุนดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานาธิบดีเอง บูเคเลซื้อ Bitcoin ผ่านโทรศัพท์ของเขาเมื่อต้องการจะเข้าช้อนซื้อ แต่เขาไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเมื่อเข้าไปซื้อแล้วก็จะตามมาด้วยการลงครั้งใหญ่”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของเอลซัลวาดอร์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยเกี่ยวกับประเด็นนี้ และรัฐบาลไม่ได้เปิดเผยตัวเลขการถือครอง Bitcoin สู่สาธารณะ
ในขณะที่ราคาของพันธบัตรรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ร่วงลงมา 18% ในปีนี้ ทำให้พันธบัตรอายุ 10 ปี และ 30 ปี ซื้อขายที่ราว 0.40 ดอลลาร์ ขณะที่รอบในการชำระคืนหนี้จะเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2023 จำนวน 800 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ Acevedo คิดว่ารัฐบาลจะยังสามารถชำระคืนหนี้ได้ด้วยการใช้เงินกู้และเงินสดสำรอง ทั้งนี้ เอลซัลวาดอร์จะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ถือครองพันธบัตรจำนวน 382 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยในเดือนกรกฎาคมนี้จะเป็นตัวเลขที่มากที่สุดที่จะต้องจ่ายคืน 183 ล้านดอลลาร์
ณ เดือนเมษายนที่ผ่านมา เอลซัลวาดอร์มีทุนสำรอง 3.4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รัฐบาลมีแผนจะออกขายพันธบัตรแบบ Bitcoin-Backed Bond มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงการเจรจากับ IMF เพื่อจะขอกู้เงินเพิ่มเติม แต่การเจรจาต้องหยุดชะงักหลังจากที่บูเคเลประกาศรับรองให้คริปโตเคอร์เรนซีถูกกฎหมาย และส่งผลให้มูลค่าการทำประกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap) เพิ่มขึ้น 20% สะท้อนว่าเอลซัลวาดอร์มีโอกาสจะผิดนัดชำระหนี้ 87% ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้
อ้างอิง: