ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียแล้ว สำหรับประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ของเอลซัลวาดอร์ เมื่อแผนการรับรอง Bitcoin เป็นสกุลเงินหลักของประเทศไม่ได้ช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงินและความมั่งคั่งให้กับประเทศตามที่คาดหวังกันไว้เมื่อช่วง 9 เดือนที่แล้ว
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า เงินกองทุนคริปโตมูลค่ากว่า 425 ล้านดอลลาร์ของรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ลดลงครึ่งหนึ่ง หลังจากราคาของ Bitcoin ดิ่งหนักมากกว่า 70% จากระดับสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 และปรับลดลงมากกว่า 55% จากช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีบูเคเลประกาศรับรองสกุลเงิน Bitcoin
ผลลัพธ์ข้างต้นทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่า การเปิดใจยอมรับ Bitcoin ในหมู่ประชาชนชาวเอลซัลวาดอร์อาจไม่เคยเกิดขึ้นจริง
ในขณะเดียวกันการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอลซัลวาดอร์กลับปรับตัวลดลง การขาดดุลยังคงสูง และอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของประเทศ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดหลักที่ใช้เปรียบเทียบสิ่งที่ประเทศเป็นหนี้กับสิ่งที่ก่อให้เกิดรายได้อาจจะพุ่งแตะระดับเกือบ 87% ในปีนี้ ทำให้หลายฝ่ายกลัวว่าเอลซัลวาดอร์จะยังไม่พร้อมที่จะชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งเอลซัลวาดอร์ต้องการเงินสดจำนวนมากในเร็ววันนี้ เพื่อชำระหนี้มูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า
โบอาซ โซบราโด นักวิเคราะห์ข้อมูลฟินเทคในลอนดอน กล่าวว่า มองในเบื้องต้น การใช้ Bitcoin เป็นสกุลเงินหลักของเอลซัลวาดอร์ ดูจะไม่มีอะไรคืบหน้าไปในทางบวก หรือเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลคาดหวังไว้ แถมยังทำให้สถานะการเงินการคลังของประเทศสั่นคลอน
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ออกมายืนกรานหนักแน่นว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 0.5% ของงบประมาณโดยรวมของประเทศ
แม้จะยืนยันว่าไม่กระทบต่อเสถียรภาพการเงินของประเทศ แต่แค่การใช้ Bitcoin ก็เพียงพอให้การเจรจาขอกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ต้องหยุดชะงัก ขณะที่ทาง Fitch Ratings ได้ปรับลดเครดิตของเอลซัลวาดอร์ลง โดยให้เหตุผลถึงความไม่แน่นอนของอนาคตทางการเงินของประเทศ เนื่องจากการนำ Bitcoin มาใช้อย่างถูกกฎหมาย
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเหล่าแฮ็กเกอร์มือดีได้ลักลอบเจาะเข้า Horizon ซึ่งเป็นบล็อกเชนบริดจ์ หรือสะพานเชื่อมบล็อกเชน ที่ทาง Harmony สตาร์ทอัพด้านคริปโตคิดค้นพัฒนาขึ้น พร้อมจัดการขโมยเหรียญ คิดเป็นความเสียหายรวมมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเหรียญ Altcoin ทั้งหมดถูกแปลงเป็น Ethereum ในเวลาเพียงไม่นานหลังจากถูกขโมยไป
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริดจ์มักตกเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มแฮ็กเกอร์ เนื่องจากระบบที่อนุญาตให้ผู้ใช้โอนโทเคนจากบล็อกเชนหนึ่งไปยังอีกบล็อกหนึ่งดังกล่าวยังมีช่องโหว่ในโค้ดที่ซ่อนอยู่
การแฮ็กครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่มีการโจมตีที่คล้ายกันบนสะพานบล็อกเชน รวมถึงการปล้นเครือข่าย Ronin มูลค่า 600 ล้านดอลลาร์ และปล้น Wormhole อีก 320 ล้านดอลลาร์
ด้านทวีตของทาง Harmony เปิดเผยว่า บริษัทกำลังทำงานร่วมกับสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (FBI) และบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์หลายแห่งเพื่อตรวจสอบการโจมตีดังกล่าว
อ้างอิง: