×

เอกนัฏเร่งปฏิรูประบบอุตสาหกรรมไทย รอคนไทยใช้ของคนไทย ประกาศตัวสู้กลุ่มทุนปล่อยสารพิษ

โดย THE STANDARD TEAM
13.09.2024
  • LOADING...
เอกนัฏ อุตสาหกรรมไทย

วันนี้ (13 กันยายน) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ วาระคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลุกขึ้นชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลด้านอุตสาหกรรมไทย โดยตนเห็นภาพเดียวกับที่สมาชิกหลายคนได้นำปัญหาด้านอุตสาหกรรมมาถกเถียง พร้อมยืนยันว่าเป็นปัญหาที่รอไม่ได้

 

เอกนัฏกล่าวต่อว่า ก่อนที่จะเข้าร่วมการแถลงนโยบาย ตนได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงความท้าทายต่ออุตสาหกรรมไทยจากการเปลี่ยนแปลงของโลก ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียผลผลิตจากสังคมสูงวัยจากการดิสรัปต์ของเทคโนโลยี AI การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม หรือความท้าทายจากสงครามภูมิรัฐศาสตร์

 

ทั้งนี้หากอุตสาหกรรมไทยไม่ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก จะทำให้เรานั้นสูญเสียขีดความสามารถและการแข่งขันต่อเศรษฐกิจไทย หากเราไม่ปรับตัว จากที่เป็นแค่ปัญหา จะกลายเป็นวิกฤต แต่ตนเชื่อว่าท่ามกลางวิกฤตยังมีโอกาสเสมอ หากเราตั้งใจที่จะปรับตัวด้วยการปฏิรูประบบอุตสาหกรรมไทย เปลี่ยนแปลง ปรับตัว เพื่อไปไขว่คว้าโอกาส และต้องเร่งสร้างมูลค่า เติมเต็มห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมทางเลือก เช่น อุตสาหกรรมทางการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หรือแม้แต่ผู้ประกอบการมีศักยภาพ เพียงแต่เรายังรอแค่เรื่องเดียวคือรอให้คนไทยใช้ของคนไทย เท่านี้ก็สามารถทำให้อุตสาหกรรมไทยเดินหน้าต่อไปได้

 

นอกจากนี้ยังรวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ เราต้องเร่งอัปเกรดพัฒนารถยนต์แห่งอนาคต เช่น อีวี ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด เป็นต้น หรือเป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่เดิมเอาแค่เรื่องของการเน้นเอาชิ้นส่วน ก็ต้องเร่งสร้างมูลค่า หรือแม้แต่อุตสาหกรรมเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยจำนวนมาก เราต้องเร่งสร้างมูลค่าด้วยการขยับห่วงโซ่อุปทานไปสู่อุตสาหกรรมปลายน้ำสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียว โอกาสนั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่เราจะแสดงท่าทีว่าปรับตัวและปฏิรูประบบอุตสาหกรรมหรือไม่

 

เอกนัฏกล่าวต่ออีกว่า นอกจากการเก็บเกี่ยวโอกาสให้กับอุตสาหกรรมไทย ก็ยังต้องปกป้องกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยของคนไทยด้วย วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องช่วยธุรกิจขนาดเล็ก อุตสาหกรรมขนาดย่อม ด้วยการลดต้นทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สามารถไปสู้กับธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงยังมีภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือต้องปกป้องธุรกิจขนาดเล็กจากกลุ่มธุรกิจสีเทา ที่เอาเปรียบฉวยโอกาสจากช่องโหว่ของกฎหมาย และมีพฤติกรรมที่บิดเบือนกลไกตลาด มีพฤติกรรมทุ่มตลาดให้ได้

 

แต่ลำพังเพียงกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงกระทรวงเดียวนั้นยังมีอาวุธไม่เพียงพอ ต้องเร่งสร้างความร่วมมือและพันธมิตรจากภาคประชาชน ภาคเอกชน รวมถึงหน่วยงานในรัฐบาล ที่ต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ออกแบบมาตรการป้องกันไม่ให้สินค้าไทยถูกเอาเปรียบ ไม่ใช่แค่เพียงการกำหนดมาตรฐานสินค้า แต่ต้องควบคู่กับมาตรการทางภาษีด้วย

 

เอกนัฏยังกล่าวถึงปัญหามลพิษด้วยว่า เป็นอีกภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม แม้จะไม่ได้มีภารกิจโดยตรง แต่ในฐานะที่กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ผลิตมลพิษ-มลภาวะ และในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของคนไทยด้วย สิ่งใดที่ทำร้ายชีวิตของประชาชน ตนเอาจริงอย่างแน่นอน

 

“ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขอประกาศต่อสู้กับกลุ่มธุรกิจที่ไม่มีความรับผิดชอบ ที่เอาเปรียบประชาชน หากมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังกลุ่มธุรกิจสีเทาที่ทำร้ายชีวิตประชาชน ต้องสู้กับผมอย่างแน่นอน” เอกนัฏกล่าว

 

เอกนัฏกล่าวอีกว่า วันแรกของการทำงานที่กระทรวงอุตสาหกรรม ตนได้เขียนคติเตือนใจในการทำงาน เช่น การต่อสู้กากพิษ เร่งคืนน้ำสะอาด คืนอากาศบริสุทธิ์ปกป้องอุตสาหกรรมและ SMEs ไทย โดยจะทำทันที ทำทุกวินาที ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะต่อสู้ จะไม่ยอม จนกว่าจะทำได้สำเร็จ

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising