วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ในพื้นที่ภาคใต้ที่มีเครือข่ายพรรค รทสช. ได้รับการเลือกตั้งว่า ที่ผ่านมาพรรคประกาศชัดเจนว่าไม่ส่งผู้สมัครใดในนามพรรค แต่คนที่ได้รับการเลือกตั้งก็ถือว่าเป็นเครือข่ายพรรค
ผลที่ออกมาถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะเครือข่ายของพรรค รทสช. ได้รับเลือก ทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โสภา กาญจนะ ว่าที่นายก อบจ. ที่ทั้งลูกสาวและลูกสะใภ้เป็น สส. ของพรรค และ ชุมพล กาญจนะ สามี ก็เป็นที่ปรึกษาของพรรค ส่วน วิสุทธิ์ ธรรมเพชร ว่าที่นายก อบจ.พัทลุง เป็นรองหัวหน้าพรรค ขณะที่จังหวัดชุมพร นพพร อุสิทธิ์ ว่าที่นายก อบจ. ซึ่งเป็นน้องเขยของ สุพล จุลใส สส. พรรค และกวาด ส.อบจ. 26 ที่นั่ง จากทั้งหมด 28 ที่นั่ง
ถือว่าผลงานเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนายก อบจ. แล้วยังมี ส.อบจ. ที่มีความใกล้ชิดกับพรรคได้รับเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนเองคำนวณดูแล้วทั่วประเทศมากกว่า 100 คนที่ต่อไปนี้จะเป็นเครือข่ายและเป็นทีมงานสำคัญของพรรค รทสช. ก่อนหน้านี้การเลือกตั้งท้องถิ่นพรรคให้เป็นสิทธิของประชาชนในแต่ละพื้นที่จะเลือกคนที่ดีที่สุดเข้าไปบริหารพื้นที่ แต่ก็เป็นผลดีของพรรคที่มีผู้สมัครนายก อบจ. เป็นเครือข่ายของพรรคที่ประสบผลสำเร็จหลายคน
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. ในครั้งนี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ในครั้งหน้าของพรรค รทสช. หรือไม่ เอกนัฏกล่าวว่า ทำให้พรรคมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น เพราะตอนที่ทำให้พรรคในครั้งแรกเริ่มต้นจากศูนย์ สส. ก็ไม่มี ส.อบจ. ก็ไม่มี ชื่อพรรคคนจำไม่ได้ มาวันนี้แล้วพรรค รทสช. มีจุดยืนที่ชัดเจนและสื่อสารออกไปให้ประชาชนเห็นและได้รับการตอบรับที่ดี
อีกทั้งพรรคมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง มี สส. 36 คน และวันนี้มีนายก อบจ. และ ส.อบจ. ที่จะเป็นเครือข่ายทั่วประเทศไม่ใช่เฉพาะแค่พื้นที่ภาคใต้ แต่ในพื้นที่ภาคใต้จะหนาแน่นหน่อย และมีอีกหลายจังหวัดแม้ไม่ได้มีนายก อบจ. แต่ก็มี ส.อบจ. ที่เข้าไปช่วย เช่น จังหวัดภูเก็ต ที่ชัดเจนว่า เรวัต อารีรอบ ว่าที่นายก อบจ.ภูเก็ต ประกาศลงสมัครในนามอิสระ แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากทีมงานพรรค รทสช. ในที่สุดก็ประสบผลสำเร็จ เช่นเดียวกับจังหวัดนราธิวาสและนครศรีธรรมราชที่ได้ ส.อบจ. ครบทุกคน ยังไม่นับจังหวัดราชบุรี พิษณุโลก และอีกหลายที่ที่ถือว่าประสบผลสำเร็จ
เมื่อถามว่ามีฐานเสียงในพื้นที่ภาคใต้แล้วการขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ วางแผนอย่างไร เอกนัฏกล่าวว่า การขยายฐานทางการเมืองก็ต้องทำ 2 ส่วน ส่วนแรกคือทำงานให้เกิดความศรัทธา นั่นคือการสร้างกระแสในส่วนนี้ ทั้งหัวหน้าพรรคและตนเองก็พยายามพิสูจน์ตนเองด้วยผลงานที่ได้ทำให้กับกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรม
ส่วนที่ 2 คือต้องมีเครือข่ายการเมืองที่เข้มแข็ง ซึ่งท้องถิ่นต้องยอมรับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งของเครือข่ายการเมืองที่ต้องสร้างขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ดังนั้นเที่ยวนี้ในพื้นที่เดิมก็ปักหลักได้อย่างมั่นคงและขยายในพื้นที่ใหม่ได้อีกเยอะพอสมควร มั่นใจว่าเที่ยวหน้าพรรค รทสช. จะได้รับทั้งคะแนนนิยมและคะแนนเลือกตั้งในแต่ละเขตมากขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าดูจากผลการเลือกตั้งนายก อบจ. ในพื้นที่ภาคใต้อาจเป็นแนวโน้มสูงว่าการเลือกตั้ง สส. ครั้งต่อไปจะเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรค รทสช. เอกนัฏเห็นว่าก็เป็นไปได้ ในการเลือกตั้งแข่งกันหมดและแข่งกันทุกพรรค เพียงแต่ว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็ต้องมาดูและแนวโน้มคงเป็นรัฐบาลผสมอีก ก็ต้องมาคุยกัน แต่การเลือกตั้งทุกคนต้องแข่งขันกันหมด