กระทรวงพลังงาน พร้อมรับมือสถานการณ์ตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน สั่งประเมินสถานการณ์รายวัน ยอมรับอาจกระทบกับราคาพลังงานแตะ 100 ดอลลาร์ แต่ยืนยันไม่กระทบการจัดหาน้ำมันและ LNG เตรียมมาตรการรองรับทุกด้านเต็มที่ ลั่นมีน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองใช้ได้กว่า 2 เดือน
กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวยอมรับว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งขณะนี้สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปได้เริ่มทยอยใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพื่อตอบโต้ความเคลื่อนไหวของรัสเซียต่อการปฏิบัติการในยูเครน
ปัจจุบันรัสเซียและชาติตะวันตกพยายามหาทางออกทางการทูต แต่ยังไม่สามารถเจรจากันได้ และรัสเซียเริ่มใช้กำลังทางทหารในพื้นที่ สร้างความวิตกกังวลให้กับนานาชาติ และส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดจะเป็นเรื่องของราคาพลังงาน ซึ่งจากที่สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่าเริ่มมีการใช้กำลังทางทหารเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว รวมถึงสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานด้านการผลิตน้ำมันของโลกที่ยังมีจำกัด ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
“ทางกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น และขอยืนยันว่า จากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้น แม้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และเกิดผลกระทบวงกว้างทั่วโลก แต่กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมด้านปริมาณสำรองพลังงานอย่างเต็มที่ ประกอบกับใช้มาตรการที่มีอย่างต่อเนื่อง และยังคงเตรียมมาตรการที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมต่อไป”
โดย ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 3,200 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,460 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,670 ล้านลิตร ทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองใช้ได้กว่า 2 เดือน แบ่งเป็น น้ำมันดิบ 27 วัน อยู่ระหว่างขนส่งอีก 13 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 12 วัน ส่วนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับในภาคครัวเรือนใช้ได้ 16 วัน
กุลิศกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อการนำเข้าพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เนื่องจากประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศกลุ่มตะวันออกกลางประมาณร้อยละ 55 และนำเข้าจากรัสเซียเพื่อกลั่นเพียง 5.22 ล้านลิตรต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 3 ของปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมด และในส่วนของ LNG ประเทศไทยนำเข้าจากต่างประเทศประมาณร้อยละ 18 จากหลากหลายแหล่ง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานจะยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่ในการบรรเทา ผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด และขอให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์วิกฤตนี้ และร่วมกันใช้พลังงานโดยเฉพาะน้ำมันอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด เพื่อผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP