วันนี้ (13 กันยายน) 107 คณาจารย์ นักการศึกษา ผู้ทำงานด้านพัฒนาเยาวชน และเครือข่ายที่ต้องการสื่อสารถึงผู้รับผิดชอบในกรณีการไม่ต่อสัญญาจ้าง ทิชา ณ นคร หรือ ป้ามล ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ได้ลงชื่อในแถลงการณ์ ขอให้ทบทวนการต่อสัญญาจ้างผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก และสนับสนุนการพัฒนาระบบยุติธรรมเยาวชนอย่างยั่งยืน ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและผู้เกี่ยวข้อง โดยมีรายละเอียดระบุว่า
ตามที่ปรากฏข่าวว่า กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม มีมติไม่ต่อสัญญาจ้างคุณทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษกนั้น พวกเราในฐานะคณาจารย์ ผู้ทำงานด้านการศึกษา การพัฒนาเยาวชน และเครือข่าย มีความกังวลอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบการฟื้นฟูเยาวชนผู้กระทำผิด และการพัฒนาระบบยุติธรรมเยาวชนของประเทศไทย
ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา คุณทิชาและทีมงานบ้านกาญจนาภิเษกได้ทุ่มเทพัฒนาระบบการดูแลและฟื้นฟูเยาวชนผู้กระทำผิด โดยยึดหลักการสำคัญของการฟื้นฟูเยาวชน (Youth Rehabilitation) ที่มุ่งเน้นการสร้างสิ่งแวดล้อมเชิงบวกและการพัฒนาศักยภาพ แทนการใช้การลงโทษแบบดั้งเดิม แนวทางนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการลดการกระทำผิดซ้ำ และช่วยพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญให้แก่เยาวชนจำนวนมาก
ผลงานของคุณทิชาและบ้านกาญจนาภิเษกได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในการฟื้นฟูศักยภาพของเยาวชน และสร้างโอกาสใหม่ให้กับผู้ที่เคยก้าวพลาด ดังจะเห็นได้จากกรณีตัวอย่างมากมายที่ปรากฏต่อสาธารณชน อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่ากระบวนการนี้ยังต้องการการพัฒนาและสานต่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาประเด็นต่อไปนี้
- ทบทวนการตัดสินใจไม่ต่อสัญญาจ้างคุณทิชา ณ นคร โดยคำนึงถึงผลงานและความต่อเนื่องของการพัฒนาระบบ
- สนับสนุนให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นในกรณีที่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร เพื่อรักษาแนวทางการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อเยาวชน
- ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อแนวทางการฟื้นฟูเยาวชนที่เน้นการพัฒนาศักยภาพและคุณค่าความเป็นมนุษย์ แทนการลงโทษ
- พัฒนานโยบายและระบบสนับสนุนที่จะช่วยให้การทำงานของศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก และหน่วยงานในลักษณะเดียวกัน สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในการพัฒนาเยาวชนและระบบยุติธรรมที่เน้นการฟื้นฟูมากกว่าการลงโทษ จะส่งผลดีต่อสังคมไทยในระยะยาว ทั้งในแง่ของการลดอาชญากรรม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียม จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากท่าน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในสัปดาห์หน้าเครือข่ายจะนำแถลงการณ์นี้ไปยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งชี้แจงต่อสาธารณชนถึงการตัดสินใจและแผนดำเนินการของภาครัฐต่อไป
คลิกอ่านรายชื่อ: